ป้อมพระสุเมรุ
วิเคราะห์ระเบิดอำมหิต 20 ศพฝีมือใคร เจาะทุกกลุ่มเห็นเงาลางๆองค์กรลับระดับโลก เหตุไม่แน่ใจความสัมพันธ์ปัจจุบันอยู่ในระดับไหน เพื่อนแท้ เพื่อนคู่แค้น หรือศัตรู ขณะที่ อดีต ผอ.สำนักข่าวกรอง “ฟันธง”คนไทยทำกันเองจับตาระเบิดลูก 2 ท่าน้ำสาธรส่งกลิ่นทะแม่งๆ
เหตุระเบิดบริเวณศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาเป็นเหตุให้มีชาวไทยและนักท่องเที่ยวเสียชีวิตมากถึง 20 รายและบาดเจ็บอีกกว่า 100 คนนั้นแม้จะผ่านมาเป็นวันที่ 3 แล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะจับกุมคนร้ายได้ ท่ามกลางความอกสั่นขวัญแขวนของคนไทย รวมทั้งสายตาประชาคมโลกที่เอาใจช่วยให้ประเทศไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผ่านคืน-วันแห่งความโหดร้ายไปให้ได้
แน่นอนว่า แม้คนไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพสลดหดหู่ กับเกิดความวิตกเริ่มไม่มั่นใจต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยของทหาร -ตำรวจว่าจะสามารถรับมือการก่อวินาศกรรมในรูปแบบต่างๆได้อีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามในความตื่นตระหนกนั้นคนไทยส่วนใหญ่ยังคงเอาใจช่วยรัฐบาล อีกทั้งช่วยกันเป็นหูเป็นตามีการเคลื่อนไหวแลกเปลี่ยนข้อมูลในโลกโซเชี่ยลมีเดียอยู่ตลอดเวลา
ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มที่แต่ดูเหมือนว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจและหน่วยข่าวกรองต่างๆยังไม่สามารถ “ฟันธง” ได้ว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร อันเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย มาจากความขัดแย้งทางการเมือง หรือเป็นฝีมือของขบวนการก่อการร้าย
ความคืบหน้าต่างๆจึงอาศัยเพียงเบาะแสจากภาพวงจรปิด เป็นชายต่างชาติสวมเสื้อยืดสีเหลืองสะพายกระเป๋าเป้ และล่าสุดได้ออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยโดยแจ้ง 6 ข้อหาฉกรรจ์ ส่วนท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากออกมาแสดงความเสียใจ -ห่วงใยประชาชนรวมทั้งประณามมือระเบิดว่าเป็นฝีมือของคนเลวแล้ว มีเพียงคำแนะนำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.คนปัจจุบัน และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในอนาคต ให้ลองหาซื้อซีรี่ย์อเมริกันเรื่อง “บลูบลัด” มาชมเพราะอาจจะมีแง่มุมดีๆนำมาเป็นไอเดียติดตามมือระเบิดได้ มากไปกว่านี้ไม่มีความคืบหน้าหลุดจากปากผู้นำแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันภาพของผู้สูญเสียที่ทยอยมารับศพญาติไปบำเพ็ญกุศลยิ่งเพิ่มความเศร้าสะเทือนใจมากยิ่งขึ้น แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วแต่ความรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีการก่อวินาศกรรมซ้ำอีกหรือไม่เพราะกระแสข่าวที่สับสนบ้างระบุว่าคนร้ายได้หลบหนีออกจากประเทศไปแล้ว บ้างยืนยันว่ายังคงอยู่และยกเหตุการณ์ระเบิดที่ท่าน้ำสาธร มาเป็นตัวอย่างด้วยชาว กทม.หลายคนจึงเลือกเซฟตัวเองด้วยการรีบกลับบ้าน ประกอบกิจกรรมนอกบ้านน้อยลงและแน่นอนว่าหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อสภาพเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยจะต้องสะดุดกลายเป็นปัญหาซ้ำเติมให้ภาครัฐแก้ไขยากขึ้นไปอีก
จากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมสะท้านโลกดังกล่าว ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการ ได้ประมวลความคิดของทุกแหล่งข่าวรวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างยังคงไม่ “ฟันธง” ว่าขบวนการสุดอำมหิตเป็นใครแต่แน่นอนว่านี่คือ “ของจริง” ที่กำลังท้าทายอำนาจรัฐภายใต้การนำของกองทัพ แผนประทุษกรรมของคนร้ายประสงค์ต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ได้จำนวนมากที่สุด น่าสะพรึงกลัวที่สุดและถือว่าพวกเขาได้ทำสำเร็จโดยทิ้งซากความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก นอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้วภาพเหตุการณ์ความเลวร้ายต่างๆยังคงตรึงชาวโลกอันมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ภาพพจน์สยามเมืองยิ้มดินแดนของคนโอบอ้อมอารีย์ในพระพุทธศาสนาลงอย่างสิ้นเชิง
กลุ่มแรกที่มีนักวิชาการ และตัวแทนรัฐบาลให้ความสำคัญคือฝ่ายอำนาจเก่าที่มีภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเงาอยู่ฉากหลัง ทันทีที่ควันระเบิดจางลง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุทันทีว่าเป็นฝีมือของกลุ่มขัดแย้งทางการเมือง แม้บางช่วงบางตอนจะพยายามประดิษฐ์คำพูดให้ออกมาอ้อมๆ แต่ใครก็รู้ว่า “เสธ.ไก่อู” กำลังหมายถึงใคร
นอกจากความเห็นของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วยังมีนักวิชาการฟากรัฐบาล รวมทั้งกลุ่มตรงข้ามอำนาจเก่าออกมาให้ความเห็นไปในแนวทางเดียวกัน เช่น นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองฯวิเคราะห์ว่าหากเป็นฝีมือกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนจะมีแบบแผน modus operandi ในการปฏิบัติการ จะมุ่งโจมตีเป้าหมายเชิงสัญญาลักษณ์ของศัตรู อาทิ
กลุ่มอัลไคดา จะมุ่งหมายเอาชีวิตและทรัพย์สิน ผลประโยชน์ของอเมริกันและพันธมิตร เช่นแม็คโดนัล เคเฟซี โรงแรมอเมริกัน เป็นต้น
กลุ่มอิสยอเราะห์ จะมุ่งกระทำต่อชาวยิว โบสถ์ยิวในต่างประเทศ หรือการก่อการร้ายในอิรัก คาร์บอมบ์มุ่งเป้าหมายคนที่นับถืออิสลามนิกายชีอะห์
หรือ กลุ่มไอเอส ที่ระเบิดมัสยิดในซาอุดิอาระเบีย ก็กระทำต่อกลุ่มที่นับถือนิกายชีอะห์นั่นคือการปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศจะชัดเจนในเป้าหมาย ไม่สะเปะสะปะอย่างแน่นอน
ประการต่อไปผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศเมื่อทำงานเสร็จจะรีบเดินทางออกนอกประเทศทันที ไม่อยู่รอให้เจ้าหน้าที่จับ แต่หลังเกิดเหตุราชประสงค์วันรุ่งขึ้นเกิดเหตุซ้ำรอยที่ท่าน้ำสาธร เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกันกับที่สี่แยกราชประสงค์
บ่งชี้ว่าคนประกอบระเบิดยังอยู่ ไม่ได้ไปไหน
ส่วนคนไปวางระเบิดเปลี่ยนคนได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดิม ผู้ก่อการ้ายระหว่างประเทศจะไม่มีการอ้ำๆอึ้งๆจะประกาศตัวทันทีว่าเหตุที่เกิดเป็นผลงานของตัวเอง จะไม่เก็บตัวเงียบอย่างนี้
การก่อการร้ายระหว่างประเทศ เมื่อจะปฏิบัติการในประเทศใดต้องมีตัวช่วย helpers ที่จะจัดหาที่ซ่อนตัว ที่ประกอบระเบิด safe house ต้องมีคนจัดหาวัตถุระเบิดให้ ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ
องค์กรก่อการร้ายกลุ่มไหนมีศักยภาพ
กลุ่มอัลไคดา - หลังการตายของบิน ลาเดน กลุ่มอัลไคดา แทบจะหมดบทบาทแม้แต่นายอัลซาวาฮีรี เบอร์สองของอัลไคดา ที่ก้าวขึ้นมาแทนยังประกาศตัวขอสวามิภักดิ์ต่อหัวหน้าชุดใหม่ของตอเลบันในอัฟกานิสถาน
กลุ่มเจไอ - นับวันแห้งตาย หลังนายฮัมบาลี ถูกทางการไทยจับกุมส่วนเบอร์สอง สามถูกทางการอินโดนีเชียยิงตาย
กลุ่ม จชต. หรือกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ - มีความเป็นไปได้ไม่มากนัก
กลุ่มไอเอส - ติดหล่มอยู่ในตะวันออกกลาง ผู้ฏิบัติการในยุโรปส่วนมากเป็นฝรั่งที่เปลี่ยนศาสนา
สุดท้าย กลุ่มอุยกูร์ -ไม่น่ามีศักยภาพในการก่อการร้ายเพราะหากการต่อสู้ของอุยกูร์ แ ปรเปลี่ยนจากการต่อสู้เพื่ออิสระภาพได้รับการสนับสนุนจากอเมริกัน จะสูญเสียความชอบธรรมในการต่อสู้แบบเดียวกับกลุ่มพยัฆค์ทมิฬอีแลม ศรีลังกา สูญเสียความชอบธรรมในการต่อสู้ กลายเป็นกลุ่มก่อการร้ายถูกขึ้นบัญชีโดยยูเอ็น เมื่อสมาชิกไปสังหารอดีตนายกรัฐมนตรี อินเดีย
สรุป งานระเบิดที่ราชประสงค์ - สาธร ฝีมือคนไทยแน่นอน !!
อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองฯฟันธงชัดๆ ไม่เอ่ยชื่อ “ทักษิณ” และมวลชนคนเสื้อแดงแม้แต่คำเดียวแต่การวิเคราะห์นี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้
หากแต่ว่าน้ำหนักและความน่าเชื่อถือจะมีมากน้อยแค่ไหนเพราะนายนันทิวัฒน์ สามารถ เป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรพิทักษ์สยาม (อพส.)อันมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” เป็นประธานคณะกรรมการฯ ครั้งหนึ่งก่อนทหารยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลุ่มสมาชิกองค์กรพิทักษ์สยาม ได้เคยรวมพลบริเวณสนามม้านางเลิ้งเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาแล้ว
ทุกประเด็นที่วิเคราะห์มาทั้งหมดจึงเหลืออยู่อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีนักวิขาการคนใดเอ่ยถึง กลุ่มดังกล่าวคือมหามิตร ที่ปัจจุบันฉากหน้ายังคงเป็นเพื่อน แต่สำหรับฉากหลังไม่เพียงแค่เพื่อนที่หมางใจกัน อาจจะก้าวข้ามจากการเป็นเพื่อนไปสู่ศัตรูที่ยังอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงไว้
เครื่องมืออันทรงพลัง มีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถล้มประเทศต่างๆที่ริอ่านลุกขึ้นมาต่อกรมากต่อมากก็คือ “องค์กรสายลับ” ระดับโลก
ประเด็นนี้แม้อาจดูเป็นจินตนาการ แต่ “สมการ” กลับลงตัวมีโอกาส และเป็นไปได้เช่นกัน สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของอดีต ผอ.สำนักข่าวกรองฯที่ว่าเมื่อปฏิบัติการในประเทศใดจะต้องมีตัวช่วย รวมทั้งเซฟเฮ้าส์
นอกจากนั้นยังล่วงรู้บริบทการเมืองไทยอย่างลึกซึ้งโดยสังเกตจากการกำหนดสถานที่ วันจันทร์ที่ 17 ส.ค.2558 อันเป็นวันเริ่มทำงาน เวลา 18.55 น.มีจำนวนผู้คนพลุกพล่านที่สุด มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุดเหมาะแก่การเบี่ยงประเด็น ต่อมาก็คือเป็นช่วยการแย่งชิงตำแหน่งของข้าราชการประจำทั้งฝ่ายตำรวจ - ทหาร รวมไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจในกองทัพ ย่อมมีทั้งผู้ได้และผู้เสีย จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแรงกระทบ แรงกระเพื่อมมักอยู่กันในช่วงนี้
ทุกจังหวะในวันเวลาที่เหมาะสม รายละเอียดทุกแง่ทุกมุมอย่างนี้คงมีเพียงกลุ่มการเมืองเก่า และองค์กรลับของมหามิตร เท่านั้นที่รู้กันอย่างลึกซึ้ง
แต่ไม่ว่าจะออกช่องไหน หนทางลากคอฆาตกรเลือดเย็นให้มารับโทษอย่างสาสมนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สุดท้ายอาจจะหายไปกับสายลมแสงแดด ยกเว้นกรณีระเบิดลูกที่สองบริเวณท่าน้ำสาทร ที่เกิดตูมตามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ตามทางข่าวอาชญากรรม ที่รู้เห็น สัมผัสวิธีการของตำรวจไทยมามาก ก็ขอภาวนาอย่างเกิดรายการจับแพะชนแกะอย่างที่เดาใจกันไว้เพราะงานนี้จับได้ก็ดี แต่พยานหลักฐานต้องแน่น มีความสมเหตุสมผลจนสังคมไทย และสังคมโลก ยอมรับได้อย่างสิ้นความสงสัย
ตรงข้ามหากจับไม่ได้ ทนเสียงตำหนิเสียงวิจารณ์กันหน่อย เพราะการนี้เป็นระเบิดเอาจริงๆไม่ลิเกขั้นรายการอย่างที่ผ่านๆมาจึงมีการวางแผน เตรียมการกันเป็นอย่างดี
ขอเตือนว่า แหกตาระดับโลกมันเสี่ยงเกินไป !!!???