โฆษกรัฐบาลเผยที่ประชุม ครม.คุยเรื่องบึ้มราชประสงค์เป็นหลัก ยังไม่ด่วนสรุปเหตุ แม้ช่วงแรกมีดัชนีบางประการชี้ชัด ระบุยอดผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บ 125 ราย บอกนายกฯ รับเหตุป้องกันลำบาก ลั่นใครจะเป็นมืออาชีพกว่ากัน ย้ำขอสื่อมวลชนอย่าเสนอภาพให้สถานการณ์เลวร้ายลง พร้อมชื่นชมน้ำใจไทย ให้ผู้ประสบเหตุชาวไทยติดต่อขอเยียวยาที่ กทม. ส่วนต่างชาติประสานกระทรวงการท่องเที่ยวฯ
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมวันนี้ได้มีการหารือเรื่องเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เป็นหลัก โดย ณ ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ด่วนตัดสินหรือสรุปว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีมูลเหตุจูงใจจากอะไร จากการปฏิบัติของกลุ่มใด เพราะมีข้อสันนิษฐานหลายกรณี แม้ว่าช่วงแรกมีสิ่งบอกเหตุดัชนีบางประการชี้วัด ว่ามีสิ่งอื่นสิ่งใดก็ตาม แต่ตอนนี้นายกฯ ไม่อยากให้ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งไป แต่ให้รวบรวมข้อมูลหลักฐานทุกอย่าง ทั้งประจักษ์พยาน วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ นิติวิทยาศาสตร์ ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดและภาพจากประชาชน เพื่อนำมาประกอบเป็นประเด็นที่ชัดเจน โดยยอดผู้เสียชีวิตและยอดผู้บาดเจ็บที่ชัดเจนแล้ว คือมีผู้เสียชีวิต 20 ราย เป็นชาวมาเลเซีย 2 ราย ชาวจีน 2 ราย ชาวฮ่องกง 2 ราย ชาวสิงคโปร์ 1 ราย ชาวไทย 5 ราย และส่วนที่ระบุสัญชาติไม่ได้ 8 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บในเบื้องต้น มี 125 ราย โดยเป็นชาวมาเลเซีย 2 ราย ชาวจีน 28 ราย ชาวฮ่องกง 2 ราย ชาวไทย 42 ราย ชาวญี่ปุ่น 1 ราย ชาวสิงคโปร์ 2 ราย ชาวอินโดนีเซีย 1 ราย ชาวฟิลิฟปินส์ 1 ราย ชาวโอมาน 1 ราย ชาวมัลดีฟ 1 ราย และส่วนที่ระบุสัญชาติไม่ได้ 43 ราย
พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อ ครม.ว่า รัฐบาลยืนยันจะดูแลค่ารักษาพยาบาล และครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด และถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ แต่การเกิดเหตุลักษณะนี้เป็นเรื่องป้องกันลำบาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ พล.อ.ประยุทธ์กำชับก็คือใครจะเป็นมืออาชีพมากกว่ากัน รัฐบาลประเทศใดจะบริหารจัดการสิ่งที่เกิดจากเหตุการณ์ได้ดีกว่ากัน ทั้งการบริการเรื่องข้อมูลข่าวสาร โดยการสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ดูแลพื้นที่ต่างๆให้ปลอดภัยที่สุด และการดำเนินภารกิจอื่นๆ ของประเทศต้องดำเนินต่อไปให้ได้ โดยมีการเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการให้ดีที่สุด โดยต้องเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาให้กลับมาโดยเร็ว ซึ่งขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ไม่ตื่นตระหนก รับข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติอย่าหลงเชื่อข่าวลือ และร่วมมือร่วมเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐเองจะต้องมีความเป็นมืออาชีพ สามารถดูแลความปลอดภัยให้มีความมั่นใจต่อสังคม และสื่อมวลชนก็ขอความร่วมมือในการงดเผยแพร่ภาพที่สยดสยองเผยแพร่ไปแล้วทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นของต่างประเทศ และกรณีการตั้งคำถามการชี้นำที่อาจทำให้สังคมตื่นตระหนกหรือเกิดความเสียหาย โดยในช่วงของการรื้อฟื้นนี้อยากให้ทุกภาคส่วนทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ และสื่อมวลชน เพื่อเร่งทำให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีนที่รัฐบาลและสื่อมวลชนร่วมมือกัน ไม่ให้มีข้อมูลที่จะกระทบกับความเชื่อมั่นหลุดออกมา และอยากวิงวอนให้สื่อของไทยยึดแนวทางเหล่านี้เป็นประสบการณ์
โฆษกรัฐบาลกล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวชื่นชมน้ำใจคนไทยด้วยว่า “รัฐบาลขอแสดงความชื่นชมอย่างที่สุดต่อน้ำใจของคนไทยที่ได้แสดงให้ชาวโลกได้ประจักษ์ แม้ว่าควันจากแรงระเบิดไม่ทันจาง ประชาชนก็เข้าไปช่วยเหลือดูแลผู้บาดเจ็บ วินมอเตอร์ไซค์ร่วมใจให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และทันทีที่สภากาชาดขอรับบริจาคโลหิต ก็มีประชาชนไปบริจาคมากมาย นี่คือน้ำใจของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดเราจะไม่ทิ้งกัน ไม่ลืมน้ำใจแบบไทยๆ ที่ปลูกฝังอยู่ในสายเลือดไทย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการหารือถึงเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตรวจสอบทุกกระทรวงแล้ว พบว่ามีกองทุนมีเงินหลายก้อนในส่วนนี้ อาทิ กองทุนช่วยเหลือเยียวยาของกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น และได้สั่งการให้มีการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน โดยเบื้องต้นสรุปได้ว่าหากเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยเป็นคนไทย ให้ไปประสานที่สำนักงานเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และในส่วนของชาวต่างชาติให้ติดต่อประสานงานที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยกระทรวงการต่างประเทศจะอำนวยความสะดวกเรื่องล่าม อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เน้นย้ำการจ่ายเยียวยาให้ครอบคลุมทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินที่เสียหายด้วย