รองโฆษกสำนักนายกฯ เผยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มี 18,566 แห่ง ยังไม่ได้รับโอนเงิน แบ่งเป็น 6 ประเภท มี 5,524 กองทุนไม่เอาเพิ่ม ส่วนใหญ่พบมีปัญหาการบริหารจัดการเงินเรื่องบัญชี และติดตามหนี้สิน ระบุนายกฯ กำชับสร้างวินัยและให้ความแนะนำ ต้องทำแผนฟื้นฟูก่อนได้เงิน
วันนี้ (9 ส.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาการเพิ่มทุนให้แก่กองทุนซึ่งมีอยู่ 79,000 แห่ง แห่งละ 1 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ได้โอนเงินเพิ่มทุนไปแล้วเมื่อพิจารณาว่า กองทุนเหล่านั้นมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ ช่วยก่อให้เกิดการพัฒนาอาชีพ เพิ่มรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชน จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในชุมชนของตนเอง
“ในขณะนี้ยังมีชุมชนที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเพิ่มทุนอีก 18,566 แห่ง เนื่องจากหลายแห่งมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการเงินกองทุน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางว่า แม้รัฐบาลต้องการเร่งรัดให้เร่งดำเนินการโอนให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน แต่ท่านไม่ต้องการเห็นการใช้จ่ายเงินอย่างขาดความรอบคอบกลายเป็นหนี้เสีย เป็นภาระทั้งต่อกองทุนและพี่น้องประชาชนเอง จึงต้องการให้มีการช่วยเหลือฟื้นฟู ให้คำแนะนำผู้บริหารกองทุนเหล่านั้น ทั้งเรื่องการทำบัญชี การพิจารณาปล่อยกู้ การระดมทุนให้เกิดการออมในระดับชุมชน เพื่อให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมีความยั่งยืน เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางการสร้างวินัยทางการใช้จ่ายการลงทุนและการออมให้แก่พี่น้องประชาชนด้วยในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ ท่านนายกฯ กำชับให้การดำเนินการฟื้นฟูและติดตามให้คำแนะนำ พร้อมทั้งโอนเงินเพิ่มทุนควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า สำหรับปัญหาหลักที่พบในการบริหารจัดการกองทุนขณะนี้ คือ เรื่องระบบบัญชีและ เรื่องการติดตามหนี้สิน จึงต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรองในระดับจังหวัดมาช่วยพิจารณาว่ากองทุนหมู่บ้านแต่ละแห่งมีผลการดำเนินงานเป็นเช่นไร หากประเมินผลงานแล้วอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่ามาตรฐานจะต้องทำแผนฟื้นฟูให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งก่อนรับโอนเงินเพิ่มทุน ส่วนกองทุนหมู่บ้านที่ประเมินแล้วอยู่ในระดับปานกลางจนถึงระดับท้าย ซึ่งยังต่ำกว่ามาตรฐาน ตามตัวชี้วัดของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะต้องส่งแผนฟื้นฟูการดำเนินงานเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาระบบบัญชี หรือมีเงินออมต่ำเกินไป หรือเป็นหนี้สินจำนวนมากก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ในเรื่องการจัดการความรู้และพัฒนาระบบให้เข้มแข็งก่อนเพิ่มทุนให้
ทั้งนี้ กองทุน 18,566 แห่งที่ยังไม่ได้รับการเพิ่มทุนสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ 1. กองทุนที่ได้มีการยื่นเรื่องขอเพิ่มทุนระยะที่ 3 แล้ว แต่ยังมีข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์ จำนวน 2,360 กองทุน 2. กองทุนในกลุ่มเอ และบี ที่ถือเป็นกองทุนในระดับดีมีศักยภาพสูง แต่ไม่ประสงค์ที่จะขอเพิ่มทุนระยะที่สาม เพราะมีเงินทุนเพียงพอต่อการดำเนินการแล้วจำนวน 5,524 กองทุน 3. กองทุนระดับซี หรือปานกลาง ที่ยังคงมีจุดอ่อนของบกพร่องจากการที่สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ใช้ตัวชี้วัด แต่ยังได้คะแนนไม่ดี โดยพบว่ายังมีปัญหาเรื่องระบบการเงิน เงินออม และระบบบัญชีที่ไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 4,594 กองทุน
4. กองทุนระดับดี มีหนี้ที่ค้างชำระ/ ไม่มีการดำเนินการ จำนวน 4,769 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องเข้าแผนฟื้นฟูฯ อย่างใกล้ชิดเป็นรายกองทุน 5. กองทุนที่มีปัญหาไม่สามารถขับเคลื่อน หรือเดินหน้าได้ ซึ่งต้องดูแลอย่างเข้มข้น ต้องบังคับใช้กฎหมาย และเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการจำนวน 581 กองทุน 6. กองทุนทหาร จำนวน 738 กองทุน ซึ่งถือเป็นกองทุนในรูปแบบพิเศษ เนื่องจากตั้งอยู่ในกรม กองทหารซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าจะต้องมีการจัดอนุกรรมการพิเศษเข้าไปดูแลเพิ่มเติม