ศาลปกครองสูงสุด กลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ไฟเขียวตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย สั่งเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพฯที่ไม่รับจดจัดตั้งสมาคม ชี้วัตถุประสงค์แค่ฝึกชี่กงเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ยังไม่เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคง ระบุข้อกังวลกระทบสัมพันธ์ไทย - จีน แค่การคาดการณ์ล่วงหน้า หากอนาคตพบเป็นภัยจริงก็สั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้
วันนี้ (5 ส.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 555/2558 ที่ นายไพฑูรย์ สุริยะวงศ์ไพศาล กับพวกรวม 3 ยื่นฟ้องนายกสมาคมกรุงเทพมหานคร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 - 2 กรณีขอให้เพิกถอนคำสั่งของนายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ยกอุทธรณ์ของ นายไพฑูรย์ สุริยะวงศ์ไพศาล กับพวกรวม 3 ราย ผู้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวผู้ฟ้องคดีทั้งสามได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย ต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอและได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ยังไม่สมควรอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย เพราะอาจกระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย - จีน จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตรับจดทะเบียนดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีทั้งสามจึงได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งไม่อนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเมื่อได้รับเรื่องแล้วได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งไม่อนุญาตรับจดทะเบียนของนายทะเบียนชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสาม ผู้ฟ้องคดีทั้งสามจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล โดยศาลปกครองกลาง พิพากษายกฟ้อง ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งสามยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ต่อศาลปกครองสูงสุด
ส่วนที่ศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ฟ้องคดี ทั้งสามยื่นคำขอจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ส่งเสริมการฝึกชี่กงแบบฝ่าหลุนกงเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ 2. เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข่าวสารแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป 3. เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ฝึก 4. ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับฝ่าหลุนกงให้กับบุคคลทั่วไป (5) เป็นสมาคมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ศาสนา หรือลัทธิใด ๆ และ 6. เป็นสมาคมที่ไม่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและไม่แสวงหากำไร ซึ่งตามวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ปรากฏนี้ ถือได้ว่าไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ การที่นายทะเบียนฯ ปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม โดยเห็นว่า หากรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับสาธารณรัฐประชาชนจีน นั้น การกล่าวอ้างการกระทำที่เกิดขึ้นของกลุ่มบุคคล แต่มิใช่เป็นการกระทำของสมาคม เพราะนายทะเบียนยังไม่ได้รับจดทะเบียน ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจึงเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในการกระทำของสมาคม ซึ่งหากความปรากฏภายหลังว่า นายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แก่สมาคมแล้ว และหากปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ย่อมอาศัยอำนาจตามมาตรา 102 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หรือตามมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายดังกล่าว ในกรณีมีเหตุตามมาตรา 102 ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้นายทะเบียนฯ ถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้
“ดังนั้น การดำเนินกิจการของสมาคมตามความเชื่อ และข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับ ฝ่าหลุนกง บุคคลทั่วไป ย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติตามความเชื่อถือของตน และย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เว้นแต่การปฏิบัตินั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมืองและเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ส่วนการรับจดทะเบียนสมาคมนอกจากเรื่องวัตถุประสงค์ของสมาคมแล้ว ยังมีเงื่อนไขและข้อกำหนดอีกหลายประการที่นายทะเบียน จะต้องพิจารณาตามมาตรา 82 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก่อนที่จะรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้แก่สมาคม ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองต้องไปดำเนินการต่อไป จึงพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้เพิกถอนคำสั่งของนายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่ไม่รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงแห่งประเทศไทย และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสาม”