รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ชี้เส้นทางปฏิรูปเริ่มแผ่วปลาย มืดมน เหตุแรงต้านจากพวกเสียอำนาจ สปช.ไม่เป็นเอกภาพ และท่าทีจาก คสช. ทั้งที่เป็นสัญญาประชาคม ยังไม่มีผลิตผลชัดเจน หาทิศทางร่วมไม่ได้ บางพวกเอาวาทกรรมไปสร้างภาพให้ดูดี จึงกลายเป็นแค่ความกลวง ไร้สัญญานบวก แนะสภาปฏิรูปแห่งชาติหาข้อยุติเอารัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ก่อนโหวต ครม.ต้องปรับเพื่อตอบโจทย์ จัดเรื่องสำคัญ 4-5 เรื่องก่อน
วันนี้ (26 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ตนเห็นว่าเส้นทางเดินปฏิรูปประเทศเริ่มแผ่วปลายความหวังของผู้คนเริ่มริบหรี่ และมืดมนมากขึ้นโดยอาจมีสาเหตุมาจาก แรงต้านจากกลุ่มที่เสียอำนาจ ความไม่เป็นเอกภาพใน สปช. และท่าทีที่แผ่วเบาจาก คสช-ครม. ทั้งที่เรื่องปฏิรูปประเทศไทยถือเป็นสัญญาประชาคมระหว่างประชาชนกับรัฐบาลชุดนี้ ปฏิรูปกลายเป็นวาทกรรมที่พูดกันมากที่สุดพูดกันได้ทุกๆ วันตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีผลิตผลชัดเจนเป็นรูปธรรม เพราะยังหาทิศทางร่วมและสังคมยังไม่ตกผลึกเพียงพอร่วมกัน แต่ก็มีไม่น้อยที่เอาวาทกรรมปฏิรูปประเทศไปเป็นเพียงเกมการเมืองและสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
“ความกลวงของการปฏิรูปกว่า 1 ปีที่ผ่านมาจึงเหลือสถานะกลายเป็นแค่สีสันทางการเมือง ยังไม่มีสัญญาณบวกที่จะทำให้สังคมเชื่อมั่นและมีความหวังใดๆ ได้ว่าประเทศไทยจะเดินหน้าสู่การปฏิรูปจะไม่กลับไปอยู่ในวังวนของการเมืองที่แตกแยกและล้มเหลวแบบที่ผ่านๆ มา” นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวว่า ฉะนั้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือ สปช.และ คสช. จะต้องตระหนักและต่อลมหายใจการปฏิรูปให้มีแรงส่งกลับขึ้นมาอีกรอบ โดยเฉพาะ สปช.ช่วงเวลาที่เหลือเดือนกว่าๆ ควรเร่งหาจุดร่วมลงตัวว่าจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่อย่างไร ซึ่งควรได้ข้อยุติก่อนถึงวันโหวต ไม่ใช่ต่างคนต่างคิดและเริ่มมีเกมการเมืองเข้ามาปะปน ในส่วนของ ครม.ต้องถือเอาการปรับ ครม.ตอบโจทย์เรื่องปฎิรูปประเทศที่มีทิศทางและมีรูปธรรมมากกว่าที่ผ่านมา โดย ครม.อาจจัดทำไทม์ไลน์ของการปฏิรูปประเทศในเรื่องใหญ่ๆ 4-5 เรื่องที่สำคัญก่อนก็พอ ไม่จำเป็นต้องรอการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ