xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ยันไม่นิ่งนอนใจภัยแล้งแม้ฝนตก วอนอย่าเอาปัญหาประเทศสร้างขัดแย้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกฯเชิญชาวไทยถวายพระพร “สมเด็จพระบรมฯ” เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 28 ก.ค. พร้อมชวนร่วมกิจกรรม “Bike For Mom ปั่นเพื่อแม่” ยันไม่นิ่งนอนใจปัญหาภัยแล้งแม้ฝนตกหลายพื้นที่แล้วก็ตาม กระทรวงทรัพย์ กำลังเร่งขุดหาแหล่งน้ำเพิ่ม วอนอย่าฉวยโอกาสเอาปัญหาประเทศมาปลุกระดมสร้างความขัดแย้ง ย้ำไม่อยากให้ต่อต้านทุกเรื่อง เพราะจะทำประเทศหยุดชะงัก



วันนี้ (24 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า วันที่ 28 ก.ค. นี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ของปวงชนชาวไทย ในวโรกาสอันเป็นวันมิ่งมหามงคลนี้ ขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยทุกคนร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ถวายพระพรชัยมงคล ขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ และทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และเป็นที่ทราบกันดีว่า วันที่ 16 ส.ค. นี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานให้จัดกิจกรรม “Bike For Mom ปั่นเพื่อแม่” เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที และความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยจะจัดให้มีกิจกรรมการปั่นจักรยานพร้อมกันทั่วประเทศ ขณะนี้การกำหนดเส้นทางปั่นจักรยาน จุดเริ่มต้น จุดพัก ระยะทาง ทั้ง 76 จังหวัด ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและศึกษาเส้นทางได้ที่เว็บไซต์ของทุกจังหวัด อยากให้พี่น้องประชาชนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อม ทั้งสภาพร่างกายและตรวจสภาพรถจักรยานกันล่วงหน้า อาจจะมีการฝึกซ้อมให้ใกล้เคียงกับระยะทางจริง ศึกษากฎจราจร และปฏิบัติตามคำแนะนำในการปั่นจักรยานเพื่อความปลอดภัย

ในส่วนของสถานการณ์ภัยแล้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม้จะมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่แล้วก็ตาม รัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำเพื่อการบริโภคจะต้องเพียงพอในอนาคตด้วย รวมถึงการดูแลพี่น้องเกษตรกรและพื้นที่การเกษตร หลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่นาที่ใกล้จะให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้แล้ว ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้มีการเดินหน้าจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมเพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำการขุดเจาะบ่อบาดาลใหม่ จำนวน 511 บ่อ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเทอร์ไบน์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ปัจจุบันดำเนินการเสร็จไปแล้ว จำนวน 415 บ่อ สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ ประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ส่วนการดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า แบบจุ่มใต้น้ำของบ่อสังเกตการณ์ที่กำหนดไว้ จำนวน 380 บ่อ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 202 บ่อ สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ ประมาณ 30,300 ลูกบาศก์เมตร/วัน รวมพื้นที่จะได้รับประโยชน์จากการขุดบ่อบาดาลนี้ จำนวน 60,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ จำนวน 2,000 ครัวเรือน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จตามเป้าหมาย ในเดือน ก.ค. นี้ คาดว่า จะสามารถสูบน้ำบาดาล มาใช้ได้ประมาณ 350,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ จำนวน 100,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 4,000 ครัวเรือน จากนั้นเราก็คงต้องมีการวางแผนการใช้น้ำบาดาลในพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้เกิดความทั่วถึงต่อไปด้วย

นายกฯกล่าวด้วยว่า ในส่วนของพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันดำเนินการจัดโครงการธงฟ้าสู่ชุมชน นำสินค้าอุปโภค บริโภคที่ลดราคามากกว่าที่เคยเป็น นำไปจำหน่ายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้มีการจัดรถธงฟ้าเคลื่อนที่นำสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันออกจำหน่าย ในราคาถูกกว่าท้องตลาดปกติ ร้อยละ 30 - 50 และได้ส่งเสริมการสร้างงานในพื้นที่ โดยใช้งบสำรองราชการ ในลักษณะการเหมางาน โดยให้หมู่บ้าน ชุมชน มีการบริหารจัดการกันเอง นอกจากนี้ได้เน้นย้ำถึงการฟื้นฟูภาคการเกษตร ภายใต้ “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเกษตรกร” (ศชก.) ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ประเทศของเรากำลังก้าวหน้าไปด้วยดีพอสมควร แต่ยังคงมีเรื่องที่เป็นปัญหาของประเทศในขณะนี้ ก็คือเรื่องของความขัดแย้ง ทั้งในด้านของการเมือง ในด้านของการใช้จ่ายงบประมาณ ที่ดำเนินการต่อไปไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ยังคงมีอยู่แม้จะน้อยไปกว่าเดิม ก็ขอให้ทุกพวกที่มีการเคลื่อนไหวทั้งโดยเปิดเผยและไม่เปิดเผย โดยอาจจะต้องอาศัยปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน เช่น ภัยแล้ง รายได้น้อย ค่าแรง ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ หรือเศรษฐกิจที่ค่อนข้างที่จะชะลอตัว มาใช้ประโยชน์ในการสร้างความขัดแย้งต่อภายในประเทศ ก็ขอให้ประชาชนได้ดูความจริงใจและเจตนารมณ์ของในการแก้ปัญหา รัฐบาลทราบและเข้าใจดี เราก็พยายามวางแผนงาน กำหนดมาตรการล่วงหน้า และเตรียมแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด ปัญหาก็คือว่าถูกสร้างความเข้าใจผิดกันมานาน ทำให้การเข้าใจมันยาก ต้องใช้เวลา ตนก็อดทน ทุกคนก็ต้องช่วยกันอดทน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในกรณีที่มีการต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยนั้น รัฐบาลก็จะพยายามหาทางออกให้ดีที่สุด เวลาวันนี้ไม่คอยท่าใครนะครับ เพราะวันนี้กำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ถ้าเราไม่เตรียมเรื่องเหล่านี้ให้พร้อม เราก็จะต้องตามหลังเขาไปตลอดไป และเสียโอกาสในการที่เราก็เป็นศูนย์กลาง ของอาเซียน อยากให้มีการพูดคุยกันทุกฝ่าย อย่าเอาปัญหามาพูดกันอย่างเดียว ต้องช่วยหาทางว่าจะทำกันอย่างไร แล้วจะมีทางออกกันอย่างไร ไม่อยากให้ต่อต้านทุกเรื่องไป บางเรื่องมันก็น่าจะทำได้บ้าง ถ้าตรงไหนมีปัญหาก็ชะลอไป ถ้าทุกโครงการทำได้แบบนี้ มันก็เกิดได้ทุกเรื่อง หากว่าขัดขวางไปทุกอย่าง ต้องฟังเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์ด้วย อย่าใช้คำบอกเล่าหรือใช้คำที่ ปลุกระดมกันมาโดยตลอด มันก็ทำทุกอย่างเลวร้ายไปกว่าเดิม

“การแก้ปัญหาต่าง ๆ นั้น เราจะทำไม่ได้เลยถ้าหากว่า ความรักความสามัคคีไม่เกิดขึ้น ไม่รับฟังซึ่งกันและกัน ไม่เข้าใจกัน เราก็จะกลับไปอยู่ในวังวนของความขัดแย้งกัน ติดกับดักตัวเองอีกเหมือนเดิม ประชาชนต้องรับรู้รับทราบต้องฟังกัน แล้วก็คิดอย่างมีสติ ด้วยตัวของตัวเองนะครับ อย่าให้ใครมาชี้นำ ต้องฟังคนชี้แจงทั้งสองฝ่ายด้วย ขอความร่วมมือ ขอให้ฟังกันบ้างหาทางออก ไม่อยากจะใช้อำนาจ ใช้กฎหมายที่ทำให้เราต้องมาเผชิญหน้ากันทุกเรื่อง ประเทศชาติก็หยุดชะงักไปอีก” นายกฯ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงโอกาสการเข้าพรรษานี้ ขอให้ทุกคนร่วมกันอธิษฐานจิตตั้งใจปฏิบัติตนตามศีล 5 ซึ่งจริง ๆ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นชาวพุทธ ก็สามารถนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน รัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น “วันงดดื่มสุราแห่งชาติ” โดยมีคำขวัญปีนี้ ว่า “พัฒนาเยาวชนและทรัพยากรมนุษย์ ต้องหยุดเป็นทาสสุรา”

“ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ที่มีจิตใจมุ่งจะทำความดี ลด ละ เลิก สุรา ในช่วงเข้าพรรษานี้ ให้ประสบความสำเร็จ และมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นพลังให้กับประเทศชาติต่อไป” นายกฯกล่าว

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 24 กรกฎาคม 2558

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน วันที่ 18 กรกฎาคมนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ของปวงชนชาวไทย ผู้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นอเนกอนันต์ เป็นคุณูปการยิ่งแก่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถ และพระวิสัยทัศน์เลิศล้ำ ในวโรกาสอันเป็นวันมิ่งมหามงคลนี้ ผมขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยทุกคนร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ถวายพระพรชัยมงคล ขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ และทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

พวกเราทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า วันที่ 16 สิงหาคมนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานให้จัดกิจกรรม Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที และความจงรักภักดีแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยจะจัดให้มีกิจกรรมการปั่นจักรยานพร้อมกันทั่วประเทศนะครับ สำหรับความคืบหน้าในเรื่องของการกำหนดเส้นทางปั่นจักรยานทั้ง 76 จังหวัด ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว รวมถึงข้อมูลแผนที่เส้นทาง จุดเริ่มต้น จุดพัก ระยะทางสามารถเข้าไปดูรายละเอียด และศึกษาเส้นทางได้ที่เว็บไซต์ของทุกจังหวัด

ผมอยากให้พี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งสภาพร่างกาย และตรวจสภาพรถจักรยานกันล่วงหน้านะครับ อาจจะมีการฝึกซ้อมให้ใกล้เคียงกับระยะทางจริง ศึกษากฎจราจร และปฏิบัติตามคำแนะนำในการปั่นจักรยาน เพื่อความปลอดภัย กิจกรรมนี้ นอกจากจะส่งเสริมการออกกำลังกายแล้ว ยังคงเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี ของพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าในทุกภูมิภาค ทั้งนี้ในช่วงที่ประชาชนหลายพื้นที่ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานน้ำพระทัยพระราชทานดับภัยแล้ง จำนวน 2 แสนขวดด้วย

ในส่วนของรัฐบาลเอง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจถึงแม้ว่าจะมีฝนตกในหลายพื้นที่แล้วก็ตาม รัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเพื่อบริโภคจะต้องเพียงพอในอนาคตด้วย เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ต่อมาคือการที่พี่น้องเกษตกร และพื้นที่การเกษตรหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่นา ที่ใกล้จะให้ผลผลิต ที่เก็บเกี่ยวได้แล้ว รวมถึงพืชสวนถ้าหากปล่อยไว้ก็อาจจะยืนต้นตาย เราต้องใช้เวลาในการเพาะปลูกฟื้นฟูอีกหลายปี กว่าจะได้รับผลผลิตอีกครั้ง อันนี้ก็ต้องดูแลด้วย ตราบใดที่น้ำยังเพียงพออยู่ ก็คงไม่ได้เป็นปัญหา

สำหรับในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้มีการเดินหน้าจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมเพื่อช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำการขุดเจาะบ่อบาดาลใหม่ จำนวน 511 บ่อนะครับ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเทอร์ไบน์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ปัจจุบันดำเนินการเสร็จไปแล้ว จำนวน 415 บ่อ หรือร้อยละ 81 สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ ประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ส่วนการดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า แบบจุ่มใต้น้ำของบ่อสังเกตการณ์ที่กำหนดไว้ จำนวน 380 บ่อ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 202 บ่อ หรือร้อยละ 53 ทำให้สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ ประมาณ 30,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวมพื้นที่จะได้รับประโยชน์จากการขุดบ่อบาดาลนี้ จำนวน 60,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ จำนวน 2,000 ครัวเรือน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จตามเป้าหมาย ในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะสามารถสูบน้ำบาดาล มาใช้ได้ประมาณ 350,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ จำนวน 100,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 4,000 ครัวเรือน จากนั้นเราก็คงต้องมีการวางแผนการใช้น้ำบาดาลในพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้เกิดความทั่วถึงต่อไปด้วยนะครับ

ในส่วนของพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ภัยแล้ง ผมก็ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ กระทรงกลาโหม กระทรงมหาดไทย ได้ร่วมกันจัดดำเนินการโครงการธงฟ้าสู่ชุมชน นำสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ลดราคามากกว่าที่เคยเป็นนำไปจำหน่ายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ให้มีการจัดรถธงฟ้าเคลื่อนที่ นำสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันออกจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดปกติ ร้อยละ 30 - 50

นอกจาก 2 มาตรการข้างต้นที่กล่าวไปแล้วนั้น รัฐบาลยังคงเร่งดำเนินการในอีก 2 มาตรการหลัก ก็คือ หนึ่ง การสร้างงานในพื้นที่ โดยใช้งบสำรองราชการสำหรับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่แต่ละจังหวัดมีอยู่แล้ว จังหวัดละ 10 ล้านบาท มอบให้กระทรวงมหาดไทยได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังในเรื่องของเงื่อนไขการใช้เงิน ให้สามารถนำมาจ้างงาน ซ่อมเครื่องไม้เครื่องมือ ซ่อมแซมระบบน้ำเดิมได้อีกด้วย

สำหรับรูปแบบของการบริหารจัดการ ผมเห็นว่าน่าจะสามารถดำเนินการได้ในลักษณะการเหมางาน น่าจะพูดถึงมากกว่า โดยให้หมู่บ้าน ชุมชน มีการบริหารจัดการกันเอง กำหนดความต้องการจ้างงาน ดำเนินการเอง รัฐบาลก็สนับสนุนงบประมาณให้ทั้งโครงการ แทนการจ่ายเป็นรายหัว เพราะมันได้คนน้อย ก็อยากให้สร้างความรักความสามัคคีด้วย และตรงกับความต้องการที่แท้จริงของชาวบ้าน เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนด้วย

ในเรื่องที่สองก็คือการฟื้นฟูภาคการเกษตร ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเกษตรอำเภอทั้ง 273 อำเภอ ใน 22 จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงจากระดับความสำคัญในการเข้าไปแก้ปัญหา ทั้งในพื้นที่ปลูกข้าว พื้นที่พืชสวนอื่นๆ เช่น สวนกล้วยไม้ สวนผลไม้ ในพื้นที่ที่ชะลอ หรือยังไม่เริ่มการเพาะปลูก เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับการผลักดันความช่วยเหลือให้ถึงมือชาวไร่ ชาวนาทุกคนที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ จะต้องนำเทคโนโลยีการเกษตรเข้าไปแนะนำด้วย และในเรื่องของการส่งเสริมเกษตรกร ในเรื่องการปรับพฤติกรรมทางการเกษตร เรื่องน้ำ ดิน การส่งเสริมอาชีพ ด้านประมง ปศุสัตว์ และการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในจังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหา เช่นการหารือร่วมกับสหกรณ์ต่าง ๆ ในการที่จะขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ เป็นต้น มีหลายเรื่องที่ต้องร่วมมือกันนะครับ คงต้องแบ่งปันกันบ้างนะครับ

ประเทศของเรากำลังก้าวหน้าไปด้วยดีพอสมควร อย่างไรก็ตามยังคงมีเรื่องที่เป็นปัญหาของประเทศในขณะนี้คือ เรื่องของความขัดแย้ง ทั้งในด้านของการเมือง ในด้านของการใช้จ่ายงบประมาณที่ดำเนินการต่อไปไม่ได้นะครับ ความขัดแย้งเหล่านี้ยังคงมีอยู่ ถึงแม้ว่าจะน้อยไปกว่าเดิมก็คงมีอยู่ ขอให้ทุกพวกที่มีการเคลื่อนไหวทั้งโดยเปิดเผย และไม่เปิดเผย โดยอาจจะต้องอาศัยปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ภัยแล้ง รายได้น้อย ค่าแรง ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ หรือเศรษฐกิจที่ค่อนข้างที่จะชะลอตัวทั้งหมด มาใช้ประโยชน์ในการสร้างความขัดแย้งต่อภายในประเทศ

ขอให้ประชาชนนั้น ได้ดูนะครับว่า ความจริงใจของรัฐบาล เจตนารมณ์ของรัฐบาลในการแก้ปัญหากับการที่รับฟัง การปลุกระดมอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ว่าเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เราก็พยายามทำทุกอย่าง เพียงแต่ว่าไม่เหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลทราบและเข้าใจดี เราก็พยายามที่จะวางแผนงาน กำหนดมาตรการล่วงหน้า และเตรียมแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด ปัญหาก็คือว่า ถูกสร้างความเข้าใจผิดกันมาเนิ่นนาน มันทำให้การเข้าใจยาก ต้องใช้เวลา ผมก็อดทน ทุกคนก็ต้องช่วยกันอดทน

ปัญหาในเชิงโครงสร้าง หลายเรื่องได้มีการแก้ไขไปแล้ว ได้มีการปรับโครงสร้างใหม่เป็นการชั่วคราว ทั้งหมด ในเรื่องของเศรษฐกิจ พลังงาน การเกษตร การค้า การลงทุน ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเน้นการดูแลทั้งผู้มีรายได้น้อย รายได้ปานกลาง สำหรับการศึกษาและสังคม กระบวนการยุติธรรม กฎหมาย เหล่านี้ก็มีการแก้ไข เดินหน้าไปตลอด ในการปฏิรูปและปรองดองนั้น ก็จะต้องกำหนดให้ชัดเจนในการดำเนินการในระยะต่อไป เพราะวันนี้มันจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน

การที่เราจะมียุทธศาสตร์ชาตินั้นก็เพื่อมีการเดินหน้าประเทศให้เห็นว่าอนาคตประเทศในทุก 5 ปีข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร ประชาชนต้องรู้นะ ถ้าไม่รู้ แล้วให้ใครมากำหนดให้เรา บางทีมันก็ไม่เป็นไปตามนั้น มันไม่ต่อเนื่อง ไม่ยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ผมเข้าใจว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ผมอยากจะขอเพียงแค่ความเข้าใจ ความอดทน และมันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะมีอนาคตขึ้นมากในวันหน้า ซึ่งแน่นอนการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ถ้าผมไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง ไม่อยากจะทำให้มันดีขึ้น ผมก็ไม่ต้องแก้อะไรทั้งสิ้น ซึ่งวันนี้ผมก็ยอมรับว่ามันมีผลกระทบบ้าง มีการต่อต้านบ้าง มีเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ผมก็ฟังทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย แต่ก็ต้องหาทางให้เจอกันบ้าง

ในการขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนนั้น ขอเพียงความเข้าใจ ความจำเป็นของประเทศในบางเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อประเทศชาติโดยรวม เช่น เรื่องพลังงานทำไงเราจะมีเพียงพอ และมีความมั่นคง มีใช้อย่างยั่งยืน เรื่องขยะ จะทำกันอย่างไร โครงการต่าง ๆ ที่ใช้งบลงทุนสูง ทั้งนี้ เพื่อจะผลักดันการใช้จ่ายในภาครัฐ และเอกชน ให้มีการจ้างงาน ให้มีการลงทุน มีการใช้วัสดุอุปกรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ถนน รถไฟ รถไฟฟ้า การบริหารจัดการน้ำ การลงทุนภาคอุตสาหกรรม หรืออื่น ๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อเรามุ่งหวังความเจริญไปสู่ทุกพื้นที่ ทุกชุมชน การทำการเกษตรอย่างเดียวอาจจะไปไม่ได้ในอนาคต มันต้องมีผสมผสานกันเป็นเศรษฐกิจแนวใหม่ ที่ต้องมีทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรมที่ไม่สร้างมลภาวะ เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่

ในกรณีที่มีการต่อต้าน หรือไม่เห็นด้วยนั้น รัฐบาลก็พยายามหาทางออกให้ดีที่สุด เวลาวันนี้ไม่คอยท่าใคร เพราะวันนี้กำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน และการลงทุนต่าง ๆ ในทุกประเทศก็แข่งขันกันในขณะนี้ ถ้าเราไม่เตรียมเรื่องเหล่านี้ให้พร้อม สิ่งต่าง ๆ เราเกิดขึ้นไม่ได้ เราก็จะต้องตามหลังเขาตลอดไป แล้วเราก็เสียโอกาสในการที่เราเป็นศูนย์กลาง หรือว่าเป็นจุดกึ่งกลาง ในด้านของภูมิรัฐศาสตร์ของอาเซียนด้วย ผมอยากให้มีการพูดคุยกันทุกฝ่าย อย่าเอาปัญหามาพูดกันอย่างเดียว มันต้องดูว่าถ้าทำแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง หรือมันจะเสียหายอะไรขึ้นมาบ้างไหม มันต้องหาทาง ถ้าสมมุติว่าเป็นห่วงโน้นห่วงนี่ก็กรุณาไปดูนะครับว่า ที่เขาสร้างไปแล้วที่ไหนบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เสร็จแล้วหาทางว่าจะทำกันอย่างไร ตรงไหนที่มันมีปัญหา มันจะมีทางออกกันอย่างไร ถ้าทุกฝ่ายยังคงเอาความขัดแย้งขึ้นมาทุกเรื่องมันทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น งบประมาณเลยใช้ไม่ได้นะครับ

เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจประเทศมันก็มีปัญหาหมด วันนี้ผมบอกแล้วว่า ถ้ามันจัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ หรือการทำประชาพิจารณ์ คือไม่ผ่านโดยเหตุผลไม่สมควร มันเสียหายประเทศ เวลามันเสียไป งบประมาณใช้จ่ายไม่ได้ เศรษฐกิจอื่นๆ มันก็ชะลอตัวตามไปหมด ผมยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมจะรับฟังทุกปัญหา ทุกความคิดเห็น ท่านต้องฟังเราบ้าง ฟังเหตุฟังผลกัน หาหนทางร่วมมือกัน ไม่อยากให้ต่อต้านทุกเรื่องไป บางเรื่องมันก็มีเรื่องที่น่าจะทำได้บ้าง มันต้องทำไปก่อน ตรงไหนที่มีปัญหาก็ชะลอไป ถ้าทุกโครงการทำได้แบบนี้ มันเกิดได้ทุกเรื่อง

เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า ขัดขวางกันทุกอย่าง ไม่ฟังเหตุฟังผลกันเลย ต้องฟังเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์กันด้วยนะครับ อย่าใช้คำบอกเล่า หรือใช้คำที่ปลุกระดมกันมาโดยตลอด มันทำทุกอย่างเลวร้ายไปกว่าเดิม ผมเรียนว่าการแก้ปัญหาต่าง ๆ นั้น เราจะทำไม่ได้เลย ถ้าหากว่าความรัก ความสามัคคีไม่เกิดขึ้น ไม่รับฟังซึ่งกันและกัน ไม่เข้าใจกัน เราจะกลับไปสู่ในวังวนของความขัดแย้ง ติดกับดักตัวเองอีกเหมือนเดิม หากมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ไม่สงบ ไม่เรียบร้อย รัฐต้องบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนก็เดือดร้อน อันนี้ประชาชนต้องรับรู้รับทราบ และฟัง คิดอย่างมีสติด้วยตัวของตัวเอง อย่าให้ใครมาชี้นำ เพราะฉะนั้นต้องฟังคนชี้แจงทั้งสองฝ่ายด้วย ฝ่ายรัฐก็ต้องฟัง ฝ่ายต่อต้านคำนำก็ต้องฟังเขาว่า เหตุผล 2 อย่างมันน่าจะเชื่ออันไหนมากกว่าที่เป็นตัวเลข หรือเป็นอะไรเชิงวิทยาศาสตร์ที่จับต้องได้

เพราะฉะนั้นขอย้ำนะครับ ขอความร่วมมือ ขอให้ฟังกันบ้างหาทางออก ไม่อยากจะใช้อำนาจ ใช้กฎหมายทั้งสิ้น ทำให้เราต้องมาเผชิญหน้ากันทุกเรื่อง ประเทศชาติก็หยุดชะงักไปอีก วันนี้เรากำลังเดินหน้าได้พอสมควร วันนี้เรารู้ดีว่ารัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นรัฐบาลเพื่อต้องการสร้างระบบธรรมาภิบาลในการบริหารบ้านเมือง รับฟังเสียงประชาชน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นเชิงรุก เพื่อเตรียมมาตรการในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องเห็นใจกันนะครับ ข้าราชการเองต้องปรับตัว ประชาชนก็ต้องปรับตัวเช่นกัน ถ้าเราไม่ปรับตัวเข้าหากัน ยังคงยืนยันหลักการกันอยู่เหมือนเดิม มันไปไม่ได้แน่นอน ท่านต้องหาว่าอะไรที่มันทำร่วมกันได้บ้าง ตรงไหนมันติดขัดเป็นปัญหาก็บางส่วนชะลอไว้ก่อน แต่ถ้าทุกโครงการไปไม่ได้มันก็เหมือนเดิม ทุกอย่างแย่เหมือนเดิม

สิ่งที่ประชาชน และรัฐบาลคาดหวังนั้น เรามีหลายอย่างด้วยกัน เพราะเราบอกไว้แล้วว่า เราจะทำให้ประเทศชาตินั้น มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ภายใน 5 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นถ้าเราเริ่มปีนี้ไม่ได้ มันต้องไปนับ 1 ใหม่ในปีหน้า หรือปีโน้นอะไรต่อไป มันสรุปไม่เสร็จตามวิสัยทัศน์ หรือตามกำหนดการ และเราจะช้ากว่าเขา วันนี้ผมติดตามทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอาเซียน เขาไม่มีความขัดแย้ง เขาไม่มีปัญหาเหมือนที่เรามีทั้งหมด เขาก็สามารถเดินหน้าได้หมด ประเทศหลายประเทศเขาเตรียมแผนที่จะทำโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว ประเทศใกล้ ๆ เราเองนี่ล่ะ ประมาณไม่กี่ปีข้างหน้า เขาศึกษาวางแผนแล้ว ของเรายังไปไหนไม่ได้เลยสักอัน ผมคิดว่า เอ๊ะ เราจะต้องทบทวนกันหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าไปมองแต่ผลเสียอย่างเดียว ผลเสียก็ต้องหาทางแก้ไข ผลดีมันมีมากกว่าไหม ขอร้องให้ทุกฝ่ายได้ทบทวนดูก่อนนะครับ ก็เป็นห่วงพ่อแม่พี่น้องประชาชนจริงๆ และประเทศชาติด้วย หากว่าทำไม่ได้วันนี้ รัฐบาลต่อไปก็ทำไม่ได้แน่นอน แล้วเราจะทำยังไงกัน ก็ขอให้ประชาชน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งประเทศ มันมีผลกระทบทั้งสิ้น ทำที่นี่ไม่ได้ มันก็มีผลกระทบกับที่อื่น มันก็ทำให้ทุกอย่างตามกันไปหมด ถ้าทุกคนบริหารจัดการกันเองกันหมดผมว่ามันก็ลำบากนะ อยู่กันไม่ได้หรอกประเทศนี้ ขอให้ได้ใคร่ครวญทบทวนสถานการณ์ของประเทศไทยในห้วงที่ผ่านมาก่อน 22 พฤษภาคม 2557 ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง วันนี้อาจจะลืมไปแล้ว ผมก็ทบทวนอีกครั้ง วันนี้เราทำอะไรไปแล้วบ้าง

แน่นอนว่า การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สลับซับซ้อนในเชิงโครงสร้างด้วย อะไรด้วย มันต้องใช้เวลา และเรื่องมันมาก ทำทุกเรื่อง มันก็เลยมองดูเหมือนกับว่า เอ๊ะ ทำอะไรหรือเปล่า จริงๆ แล้วเราก็เอาปัญหาใหญ่มาดู แล้วก็คลี่เป็นกิจกรรมหลัก กิจกรรมย่อย แล้วเราก็แยกว่าอันไหนกิจกรรมหลัก จะทำอะไรบ้าง อันไหนยังไม่ได้ทำ อันไหนที่เป็นกิจกรรมย่อย อันนี้ทำ อันนี้ยังไม่ทำ ก็จะแยกอันที่ยังไม่ทำ ไม่ใช่ไม่ทำ ไปทำตอนปฏิรูปนั่น ไปส่งในแผนปฏิรูป วันนี้เราต้องเดินหน้า เราอยู่ในการบริหารราชการแผ่นดิน เดินหน้าให้ได้ทุกเรื่องที่มันติดขัดทั้งหมด ขอความร่วมมือท่านเท่านั้นเองนะ เราจำเป็นต้องเริ่มต้นไว้ก่อน แล้วสร้างระบบระเบียบ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และเพื่อไม่ให้มีความขัดแย้งกับพวกเรากันเองในสังคมในอนาคต ทั้งนี้ ผมไม่ได้มุ่งหวังอะไรเลย มุ่งหวังแต่เพียงให้เกิดผลประโยชน์ต่อชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ ที่เราได้กล่าวไว้แล้ว 2015 ถึง 2020 มั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน นะครับ

เมื่อวานนี้ วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2558 ผมก็ได้มีโอกาสให้การต้อนรับนายเหวียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และภรรยา ในการเดินทางมาเยือนประเทศไทย อย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ในโอกาสเดียวกันนั้น ก็ได้มีการจัดการประชุม คณะรัฐมนตรีร่วม อย่างไม่เป็นทางการ ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 3 วัตถุประสงค์ก็เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทวิภาคี ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ไทย และเวียดนาม นะครับ แล้วก็ผลักดัน ความร่วมมือ ไปในทุกมิติให้มีการ ขยายผลอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ก็มีความร่วมมือในด้านแรงงาน การส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าทางง การค้า การลงทุน ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร การประมง การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางคมนาคม ทางบก ทางทะเล และทางอากาศนะครับ แล้วก็สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง ประเทศภายในภูมิภาคด้วยนะครับ

ในด้านของความมั่นคง นั้นได้แก่ ขยายความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา อาชญากรรม ข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์

ในด้านศิลปและการท่องเที่ยว ได้แก่การแลกเปลี่ยนทางภาษา วัฒนธรรม และการกีฬา ร่วมทั้งความร่วมมือในการ ส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ให้มีการท่องเที่ยว ในลักษณะเป็นแพ็กเกจ เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาค กับเพื่อนเรารอบ ๆ บ้าน นะครับ ถ้ามันอยู่กันได้ไปกันได้ มันก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยว เข้ามาในภูมิภาคของเราด้วย แล้วแต่ละประเทศ มีรายได้ เราต้องไม่ทอดทิ้งกัน นะครับ ถ้าเรามี ความเห็นชอบ เราก็ต้องกำหนดการตั้งเป้าหมาย วิธีการ เมื่อการประชุมนั้นผมได้มีการพูดกับท่านนายกรัฐมนตรีเวียดนามว่าเราจะต้องตั้งเป้าหมายใหม่แล้ว วันนี้เราคบกันมา 40 ปีแล้ว ปี 2559 จะครบ 40 ปี เราต้องพูดกันถึงว่า อีก 10 ปีต่อไป มันจะเป็นยังไง ถ้ารวมกันแล้วเป็น 40 ปีต่อไป เป็นอนาคต ว่าเราจะทำยังไง เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันนี้เราอยากจะเพิ่มมูลค่าทางการค้า จากเดิมประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 หรือเร็วกว่านั้น

ในโอกาสนี้ ผมและนายกรัฐมนตรีเวียดนามก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารสำคัญ 5 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 3 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน ก็เน้นหนักเรื่องแรงงาน ผู้ใช้แรงงานในเรือประมง อะไรเหล่านี้ ซึ่งทางเวียดนามมีอยู่มากพอสมควร เรื่องบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน ให้ความเป็นธรรม มีการขึ้นทะเบียนต่าง ๆ ให้เรียบร้อย พิสูจน์สัญชาติ อะไรเหล่านี้ และประเด็นสำคัญ บันทึกความเข้าใจเพื่อสะสางงานความสัมพันธ์เมืองคู่มิตร ระหว่าง จ.อุบลราชธานี ของไทย และจังหวัดคอนตูม เวียดนาม และบันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตร ระหว่าง จ.ตราด ของไทย และ จ.ลองอาน ของเวียดนาม ก็เป็นเมืองคู่ขนาน เมืองแฝด ฉะนั้น จะต้องพัฒนาไปร่วมกัน มีความเชื่อมโยงทางชายแดน และจะมีการขยายต่อไป อันนี้ผมเรียนว่าคงรอบบ้านด้วย แต่ละประเทศที่มีความเชื่อมโยงกัน ก็เป็นลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นการเปิดประตูความสัมพันธ์ ใกล้ชิดระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม และเตรียมการรับการเป็นประชาคมอาเซียนในปลายปีนี้ เราก็พยายามที่จะไม่ให้เส้นเขตแดน หรือพรมแดนนั้นเป็นขีดจำกัด หรือข้อจำกัดในการร่วมมือกันในการดูแลประชาชน เพียงแต่ว่าเราต้องมีมาตรการที่เหมาะสม

นอกจากนั้น ยังได้พูดคุยกันถึงโอกาสที่จะให้ภาคธุรกิจ เอกชน ทั้งสองประเทศได้มีการเชื่อมโยงกัน เช่น สมาคมมิตรภาพไทย - เวียดนาม มีการจัดสัมมนาด้านการลงทุนในเวียดนาม การหารือเพื่อจับคู่ภาคธุรกิจระหว่างไทย - เวียดนาม ด้วย ในเรื่องนี้ผมคิดว่าถ้าเรากับเวียดนามร่วมมือกันได้ เช่น เราร่วมมือกับพม่า ร่วมมือกับกัมพูชา หรือมาเลเซีย อะไรต่าง ๆ รอบบ้าน CLMV นี้ได้ เราก็จะทำให้อาเซียนเข้มแข็งด้วย ผมไม่อยากให้เรามองเฉพาะประเทศไทยอย่างเดียว เพราะเราต้องสร้างเครือข่าย หรือสร้างห่วงโซ่ในเรื่องของเศรษฐกิจให้ได้ ถ้าเราเข้มแข็ง มีการค้าขายกันเองที่เพิ่มมากขึ้น เราก็จะต้องพึ่งพาการส่งออกไปประเทศไกล ๆ ลดลง ไม่อย่างนั้นเราต้องฝากความหวังไว้กับการส่งออกประชาคมไกล ๆ มันก็มีปัญหาหมดนะ เพราะมันมีปัญหาทั้งความขัดแย้ง ปัญหาการเมือง ปัญหาเรื่องความไม่สงบเรียบร้อยอะไรก็แล้วแต่ เราต้องทำให้อาเซียนสงบให้ได้ และไทยต้องเป็นแบบอย่างในการสร้างความสงบ สันติ อย่างยั่งยืน มีความเป็นเสถียรภาพด้านการเมือง ด้านความมั่นคง มันถึงจะเกิดอย่างอื่นได้ด้วย ผมก็เลยตกลงกับท่านนายกรัฐมนตรีเวียดนามไปอย่างนี้ ว่าเราต้องสร้างความเข้มแข็งด้วย เพื่อจะนำพาอาเซียนทั้งหมดไปด้วยกัน แล้วก็รวมกลุ่มกันเพื่อให้คนทั้งโลกเขาได้เห็นตัวตนของเรา เห็นตัวตนของอาเซียน เห็นตัวตนของประเทศแต่ละประเทศของเราว่าเป็นอย่างไรด้วยความภาคภูมิใจ ถ้าเรารวมกันไม่ได้ มันก็จะถูกแบ่งเป็นพวก ๆ ไป เราก็เกิดปัญหาในเรื่องของอำนาจในการต่อรองทุกเรื่อง ได้ตกลงกันแล้วว่า ทางเวียดนามก็ตกลงว่า จะให้ความร่วมมือในสมาคมเกี่ยวกับเรื่องยาง เดิมมี 3 ประเทศ ก็จะมี 4 ประเทศแล้ว พูดคุยกันเรื่องยาง ผมก็เสนอไปเรื่องข้าว ก็คงจะต้องทำนะ เพื่อจะทำอย่างไรเราจะไม่แข่งขันกันมากจนเกินไป ทำให้ราคามันตก เพราะว่าสินค้าทางการเกษตรมันตกหมด แต่ถ้าเรารวมกลุ่มกันได้ แบ่งปันกันบ้าง ไม่แข่งขัน ไม่ลดราคากัน มันก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม อันนี้ก็หารือกันไปแล้ว ท่านก็เห็นด้วย ก็เป็นที่น่ายินดีนะครับ ช่วงนี้เป็นยุคที่ดีที่สุดในการพูดคุยหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับสัปดาห์หน้านั้นก็จะมีช่วงวันหยุดยาวอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นวันสำคัญทางศาสนา 2 วัน คือ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา นอกจากเราจะได้หยุดพักผ่อนกันแล้ว ผมก็อยากให้พี่น้องชาวไทยที่นับถือพุทธศาสนา ได้ถือโอกาสวันหยุดดังกล่าวรำลึกถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดดี ปฏิบัติดี รวมทั้งร่วมกันประกอบพุทธบูชา ได้แก่ การทำบุญ ตักบาตร เข้าวัด รับศีล ฟังเทศน์ สนทนาธรรม สวดมนต์ เวียนเทียน เพื่อสร้างความเป็นมงคล สู่ชีวิตและครอบครัว ก็อย่าลืมทำทานด้วย ทำบุญแล้วต้องทำทาน คนยากลำบากมีเยอะแยะ

ในช่วงวันหยุดนี้ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขในการที่จะไปท่องเที่ยวขอให้ปลอดภัยด้วย ขับรถระมัดระวัง ฉะนั้นในช่วงโอกาสวันเข้าพรรษานี้ ขอให้ทุกคนร่วมกันอธิษฐานจิต ตั้งใจปฏิบัติตนตามศีล 5 จริง ๆ แล้วศีล 5 ไม่ใช่ข้อห้าม เป็นข้กฝึกปฏิบัติที่เรียกว่าสิกขาบท ที่ทุกคนไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นชาวพุทธก็สามารถนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้เพื่อจะพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นในทุกด้าน สังคม ปลอดภัย มีความสุข

รัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ และมีคำขวัญปีนี้ ว่า พัฒนาเยาวชน และทรัพยากรมนุษย์ ต้องหยุดเป็นทาสสุรา ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มีจิตใจร่วมกันมุ่งจะทำความดี ลด ละ เลิกสุรา ในช่วงเข้าพรรษานี้ให้ประสบความสำเร็จ และมีสุขภาพร่างกาย และจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นพลังสำคัญให้กับประเทศชาติในต่อไป สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดดู ฟังข่าวเรื่องการจราจรด้วย และกรุณาขับรถอย่าเร็วจนเกินไปนัก และอย่าดื่มสุราในระหว่างขับรถ แล้วการสูญเสียมันเกิดขึ้น คนที่สูญเสียก็คือ ครอบครัวทั้งสิ้น และประเทศชาติเสียหายไปด้วย สิ้นเสียทรัพยากรไม่รู้เท่าไร อย่าให้มีการสูญเสียอีกเลย ในเรื่องนี้ท่านต้องรักชีวิตท่านเอง ชีวิตท่านไม่ได้มีตัวท่านคนเดียว ท่านต้องมีชีวิตเพื่อคนอื่นเขาด้วย เพื่อจะไปช่วยเหลือไปดูแลครอบครัวของท่าน และช่วยสร้างสรรค์สังคมที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต ระมัดระวัง ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดราชการ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น