อดีต ส.ส. ปชป. ข้องใจ นายกฯโยนนักการเมืองทำลายป่า ระบุ ข้าราชการตัวดี ทหารก็มีเอี่ยว ถามกลับสมัยเป็น ผบ.ทบ.มีภูเขาหัวโล้นไหม แนะสอบงบฯปลูกป่า ขุดคูคลอง ดีกว่ามาคอยด่านักการเมือง
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า รัฐบาลประชาธิปไตยมีส่วนสำคัญทำให้พื้นที่ป่าต้นน้ำหายไปถึง 8.6 ล้านไร่ จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตภัยแล้งว่า คำกล่าวของนายกฯเสมือนว่ารัฐบาลประชาธิปไตยเป็นต้นเหตุให้ป่าต้นน้ำหายไป แต่ที่จริงแล้วคือ ข้าราชการต่างหากที่เป็นสาเหตุสำคัญ เพราะพื้นที่ป่าต้นน้ำทั้งหมด 8.6 ล้านไร่ที่หายไปนั้นล้วนอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของข้าราชการประจำทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกรมป่าไม้ที่ตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ.2439 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ และพันธุ์พืช กรมการปกครอง และพื้นที่ความมั่นคงตามแนวชายแดนก็อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาก่อน
นายวัชระ กล่าวต่อว่า ที่ป่าต้นน้ำกลายเป็นเขาหัวโล้น ก็เพราะมีการเอื้อให้บริษัทยักษ์ใหญ่ไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จนเกิดน้ำท่วมดินถล่มฝนแล้งตามมา แต่บริษัทเอกชนได้ประโยชน์ โดยอาศัยชาวไร่คนยากจนเป็นเครื่องมือ ส่วนนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน หรือที่ สปก. มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ เรื่องเหล่านี้นายกฯต้องตรวจสอบโดยลพเอียด และหากพบว่าผิดจริง ต้องใช้อำนาจเด็ดขาดในการยึดคืนมาเป็นของรัฐให้หมด หรือสั่งให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพิ่มคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปเลยว่า ต้องไม่เคยบุกรุกที่หลวง ไม่ว่าด้วยตนเองหรือนอมินี เท่านี้คนพวกนั้นก็ขาดคุณสมบัติไปใช้อิทธิพลทางการเมืองได้อีก
“พื้นที่ป่าที่ท่านเคยรับผิดชอบสมัยเป็น ผบ.ทบ.ก็ยังกลายเป็นเขาหัวโล้นท่านเคยกลับไปดูหรือไม่ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเป็นผู้ใหญ่เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดตาม อย่ามาพูดว่ารัฐบาลประะชาธิปไตยเป็นต้นเหตุที่ทำให้ป่าต้นน้ำสูญหายไป ต้นเหตุที่แท้จริงอยู่ที่ข้าราชการประจำผู้รับผิดชอบในพื้นที่ไม่ทำหน้าที่ คอยแต่เอาตัวรอด บางคนก็แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ปกป้องผืนป่าอย่างจริงจัง” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคนั้น ต้องไปดูที่ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ว่า เหตุใดต้องซื้อน้ำจากเอกชนในราคาแพงมาผลิตน้ำประปา ทั้งๆที่น้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติ เอกชนไปผูกขาดแล้วตั้งราคาขายน้ำแพงๆ โดยที่ประชาชนรับกรรมได้อย่างไร รวมทั้งต้องตรวจสอบงบประมาณขุดลอกคูคลองสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้ไปนับแสนล้านบาท ได้ดำเนินการจริงหรือไม่ รวมไปถึงการตรวจสอบเรื่องการทุจริตการปลูกป่า ตนในฐานะอดีตโฆษก กมธ.งบประมาณฯ 2 เห็นงบประมาณปลูกป่าของกรมป่าไม้รวมแล้วนับหมื่นล้านบาท มีคนบอกว่าหากเอาพื้นที่ป่าที่ปลูกมารวมกันซ้อนกันได้ 10 ชั้นแล้ว ปัญหาจึงอยู่ที่ความเห็นแก่ตัวและการทุจริตคอร์รัปชั่น หากปล่อยให้ข้าราชการดูแลป่าแต่ฝ่ายเดียว ป่าไม้หมดแน่ๆ ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมดูแลรักษาป่า แล้วคนเหล่านี้ก็จะดูแลรักษาป่าให้แผ่นดิน
“สำคัญที่สุดคือ วันนี้ท่านมีอำนาจมากที่สุดแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ท่านกล้าใช้อำนาจนั้นเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ท่านพูดหรือไม่ ถ้าท่านไม่ทำท่านก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ท่านว่า และในยุคของท่านที่เป็นรัฐบาลทหารป่าต้นน้ำและป่าไม้ก็ถูกทำลายเหี้ยนเตียนในยุคที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านไม่เชื่อให้นั่ง ฮ.วนดูที่ จ.แม่ฮ่องสอนไปถึง จ.เชียงใหม่ เขาหัวโล้นเกิดในยุคของท่านเหมือนกัน ผมขอยืนยัน”