พิษณุโลก - รอง ผอ.ศปป.กอ.รมน. ผบ.พล.ร.4 นำทีมสนธิกำลังทหาร ป่าไม้ เกือบพันนายลุยตัดสวนยางพารารุกป่าพิษณุโลกอีก 287 ไร่ จ่อคิวโค่นสวนนายทุนใหญ่อีกกว่าพันไร่ ด้าน ผอ.สำนักป้องกันฯ หน.ชุดพยัคฆ์ไพร เรียงหน้ายันต้องตัดต้นยางรุกป่าทิ้ง ก่อนป่าสงวนถูกรุกเหี้ยนทั่วประเทศ
วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.ต.รณรงค์ โคตรดำรง รอง ผอ.ศปป.กอ.รมน., พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4, นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนกิจการพิเศษ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้, นายอนันต์ พรหมดนตรี ผอ.ทสจ.พิษณุโลก, นายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ร่วมกันเปิด “ยุทธการทวงคืนผืนป่า การบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ต่อผู้บุกรุกปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติ”
โดยนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้ง 11 หน่วยป้องกันรักษาป่า จำนวน 600 นาย และทหาร พล.ร.4 ประมาณ 300 นาย ตัดโค่นต้นยางพารา ที่หมู่ 13 บ้านตอเรือ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จำนวน 287 ไร่ ให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน
นายอนันต์ พรหมดนตรี ผอ.ทสจ.พิษณุโลก บอกว่า พิษณุโลกมีพื้นที่ถูกบุกรุกปลูกยางในเขตป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 57,000 ไร่ที่จะต้องตัดทิ้งทั้งหมด ซึ่งดำเนินการแล้วเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 58 จำนวน 97 ไร่ (ป่าอนุรักษ์) ที่บ้านเข็กใหญ่ ต.บ้านแยง อ.นครไทย โดยมีแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานตัดโค่น และกำลังตัดโค่นอีกวันนี้ 287 ไร่จากพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด 4 แปลง เนื้อที่ 1,202 ไร่ ซึ่งเป็นคดีแล้วเมื่อปี 50 และอยู่กลางแปลงสวนยางพาราเนื้อที่ร่วมๆ 3,000 ไร่ของนายทุนรายใหญ่ (หจก.วีรนันท์) ที่บางแปลงได้ดำเนินคดีชั้นศาลไปแล้ว และกำลังดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.รณรงค์กล่าวว่า ป่าสงวนพิษณุโลกถูกบุกรุกปลูกยางพาราทั้งหมด 57,000 ไร่ ซึ่งจะต้องถูกตัดโค่นทั้งหมดตามนโยบายนายกรัฐมนตรี โดยจะตัดโค่นตามหลักวิชาการ ไม่ได้ตัดโล้นทั้งหมด คือ ตัด 3 แถว เว้น 2 แถว หรือ 60 เปอร์เซ็นต์
“พื้นที่รอบๆ สวนยางที่ตัดในวันนี้มีข้อมูลว่าเป็นของนายทุนที่อาศัยชาวบ้านที่ไม่รู้หรือยากไร้เข้าแสวงหาผลประโยชน์ ใช้ชาวบ้านเป็นนอมินี ทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งตามคำสั่งที่ 66 ของ คชส. กรณีตัดโค่นสวนยางพาราจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ให้กระทบต่อผู้ยากไร้ หรือผู้ที่ยากจนจริงๆ”
ต่อข้อถามที่ว่าสมาคมชาวสวนยางเรียกร้องให้ชะลอการตัดโค่นสวนยาง รอง ผอ.ศปป.กอ.รมน.ยืนยันว่า การชะลอตัดโค่นต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไปว่า พื้นที่ที่ปลูกยางนั้นๆ ถูกต้องหรือไม่ มีเอกสารสิทธิ รวมถึงการได้มาของที่ดิน แม้ว่ามีโฉนดหรือ น.ส.3 ก็ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กล่าวว่า กำลังคัดเลือกตัดโค่นสวนยางพาราของนายทุนที่บุกรุกป่าจำนวน 1.5 ล้านไร่ โดยปีนี้ รมว.ทรัพย์ฯ วางเป้าหมายตัดโค่น 4 แสนไร่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม ปีนี้ พร้อมหาตัวผู้กระทำความผิดว่ากันไปตามกฎหมาย และขอให้เจ้าหน้าที่ ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สินด้วย
“ต้องเข้าใจว่าการบุกรุกป่าตรวจกรมป่าไม้มีหลักเกณฑ์พิจารณาเรื่องของนายทุนอยู่ พื้นที่ตั้งแต่ 30-50 ไร่ขึ้นไป และเป็นคนต่างถิ่นเข้ามาใช้แรงงานในพื้นที่แทนตนเอง มีการลงทุนขนาดใหญ่ และที่สำคัญต้องได้รับการยืนยันจากคนในพื้นที่ว่าเป็นนายทุน”
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการส่วนกิจการพิเศษ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ กล่าวกรณีอธิบดีกรมป่าไม้ไปเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าที่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ นั้น วางเป้าหมายทวงคืน 12,000 ไร่ วางแผนดำเนินการเป็น 3 ระยะ โดยจะทำการคัดกรองคนรวยกับคนจน ทำเป็นโมเดลต้นแบบ เพื่อไม่ให้เดือดร้อนชาวบ้าน
กรณีกลุ่มองค์กรต่อต้านไม่เห็นด้วยกับการโค่นยางพารา เพราะเขามองว่าสวนยางพาราคือป่า แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะป่าสวนยางพารา 1 ไร่มีเพียง 70 ต้นเท่านั้น แต่โครงสร้างป่าต้นน้ำลำธารมีพันธุ์ไม้นับพันชนิด ทำหน้าที่ดูดซับน้ำอย่างสมบูรณ์
“การชะลอการตัดโค่นสวนยางจึงเป็นไปไม่ได้ ต้องแยกให้ออก รัฐมีมาตรการชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ให้ราษฎรเดือดร้อน มีทั้งคำสั่ง คสช.66 และมติ ครม.30 มิ.ย. 41 ชัดเจน ฝากเตือนว่านี่คือกลไกของการบุกรุกทำลายป่า หากกรมป่าไม้ไม่สามารถหยุดยั้งขบวนการครั้งนี้ได้ ให้นับถอยหลังได้เลยว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าพื้นที่ป่าสงวนทั่วประเทศหมดแน่” หัวหน้าพยัคฆ์ไพรกล่าว