xs
xsm
sm
md
lg

องค์กรสื่อฯ แนะใช้หลักความจริง ทบทวนกฎหมายปฏิรูปสื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


4 องค์กรสื่อเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติทบทวนกฎหมายการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน แนะหากปฏิรูปต้องอิงหลักความจริง

วันนี้ (21 ก.ค.) มีรายงานว่า คณะทำงานเพื่อการปฏิรูปสื่อซึ่งประกอบด้วยตัวแทน 4 องค์กรสื่อ คือ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแถลงการณ์ขอเรียกร้องให้สภาปฏิรูปแห่งชาติทบทวนเรื่อง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... ซึ่งสภาปฏิรูปให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม และกำลังเปิดให้สมาชิกสปช.ที่ไม่เห็นด้วยเสนอญัตติแก้ไข ก่อนที่จะส่งร่างให้คณะรัฐมนตรีภายใน 7 วัน

คณะทำงานเพื่อการปฏิรูปสื่อมีความเห็นว่า ข้อท้วงติงของสมาชิก สปช.เสียงข้างน้อยซึ่งระบุว่าร่างดังกล่าวมีข้อบกพร่องหลายประการ เช่น การตั้งสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติขึ้นโดยกำหนดให้รัฐจะจ่ายเงินอุดหนุนกำหนดให้องค์กรนี้มีรายได้และทรัพย์สิน จากเงินที่รัฐจ่ายให้เป็นทุนประเดิม และรายได้ 5% หรือไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ต้องส่งคืนให้รัฐ จะทำให้วิชาชีพสื่ออยู่ภายใต้การกำกับของรัฐนั้น ฯลฯ เป็นข้อท้วงติงที่มีเหตุผล และเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องกังวล

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีความบกพร่องอื่นอีกหลายประการ เช่น ความเหมาะสมของการออกใบรับรองผู้ประกอบวิชาชีพโดยอ้อม ซึ่งเท่ากับเป็นการใช้อำนาจควบคุมคนที่จะเข้ามาประกอบวิชาชีพนี้ตั้งแต่ต้น ให้อำนาจองค์กรควบคุมสื่อใหม่อย่างกว้างขวาง แต่ขาดกลไกด้านกระบวนการ และวิธีพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมที่ต้องโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่ง ที่จะทำให้การกำกับดูแลจริยธรรมสื่อมีประสิทธิภาพ

บางมาตราส่อลักษณะว่าจะขัดต่อหลักการของกฎหมายทั่วไป เช่น ถ้าผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทำผิดให้ถือว่า เจ้าของกิจการสื่อมวลชนหรือผู้บังคับบัญชาของผู้ประกอบวิชาชีพผู้นั้น กระทำการฝ่าฝืนและต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ซึ่งเป็นการกำหนดความรับผิดแบบเคร่งครัด มีหลายกรณีที่มีการตรากฎหมายเช่นนี้ แล้วเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญปรากฏว่า ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เป็นการตรากฎหมายที่มิชอบ ฯลฯ

คณะทำงานเพื่อการปฏิรูปสื่อมีความเห็นว่า โดยเนื้อแท้ของร่างกฎหมายฉบับนี้แล้ว มิได้เอื้ออำนวยให้เกิดการปฏิรูปสื่อแต่อย่างใด การออกแบบองค์กรสื่อที่จะมาทำหน้าที่ในการกำกับดูแลสื่อก็ทำโครงสร้างคล้ายกับระบบราชการคือ มีทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เมื่อมีปัญหาก็ไม่มีกระบวนการพิจารณาที่โปร่งใส พึ่งพิงทุนและอำนาจรัฐจนทำให้สูญเสียหลักการความเป็นอิสระของการทำหน้าที่ กลไกที่คิดขึ้นไม่มีการถ่วงดุลหรือมีกลไกความรับผิดรับชอบ ไม่มีมาตรการในการปกป้องสื่อมวลชนเมื่อถูกคุกคาม ฯลฯ

โดยรวมแล้วเป็นการทำให้กระบวนการกำกับดูแลสื่อถอยหลังไปยิ่งกว่า ที่ทำมาร่วม 2 ทศวรรษเสียด้วยซ้ำ และสภาปฏิรูปแห่งชาติมีมติเช่นนี้ เท่ากับออกกฎหมายให้มีการควบคุมสื่อทั้งระบบอย่างเบ็ดเสร็จ จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงอานุภาพหากมีรัฐบาลที่ไม่มีความประสงค์ดีเพราะรัฐบาลที่มีลักษณะเช่นนั้นจะใช้ทุนและอำนาจตามกฎหมายเข้ามาครอบงำสื่อได้โดยตรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม

คณะทำงานเพื่อการปฏิรูปสื่อ มีความเห็นว่า การปฏิรูปสื่อเป็นงานละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยความรอบคอบและความเห็นรอบด้าน สภาปฏิรูปแห่งชาติไม่ควรรวบรัดสร้างผลงานก่อนที่จะหมดอายุ เพราะจะเป็นการก่อปัญหาใหญ่เอาไว้โดยไม่มีผู้รับผิดชอบ และเมื่อมีสมาชิก สปช.ทักท้วงว่า ร่างมีข้อบกพร่องและที่ประชุมเปิดให้มีการเสนอญัตติแก้ไข ก็ควรจะมีการแก้ไขทบทวน หากระยะเวลาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ก็อาจจะเสนอเป็นหลักการใหญ่ๆ โดยไม่ต้องเสนอร่างประกอบเพื่อให้เป็นปัญหาก็ได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันโดยตรงกับเนื้อหาหลักในรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่ดำเนินการไม่เสร็จสิ้น

คณะทำงานเพื่อการปฏิรูปสื่อ เห็นว่า ควรจะมีการปฏิรูปสื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ โดยคำนึงถึงความเป็นจริง คำนึงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาและสภาพของสังคมด้วย รวมทั้งหลักการที่พัฒนามาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ด้วย คณะทำงานเพื่อการปฏิรูปสื่อสนับสนุนให้มีการปฏิรูปสื่อตามหลักการ แนวดังกล่าวและสนับสนุนการรวมตัวกันเป็นสภาวิชาชีพและมีกลไก ที่จะทำให้สื่อมวลชนมีความรับผิดชอบและถูกตรวจสอบโดยสังคมได้มากขึ้น แต่ต้องเป็นกลไกที่เป็นอิสระ และไม่สามารถถูกแทรกแซงได้ แต่ร่างกฎหมายที่ สปช.เห็นชอบไป มิใช่เป็นการปฏิรูปสื่อ แต่เป็นการควบคุมสื่อของประเทศนี้อย่างเบ็ดเสร็จ จึงอยากให้ สปช.ควรทบทวนแก้ไขโดยด่วน และคณะทำงานจะเร่งทำข้อเสนอและข้อทักท้วงถึงคณะกรรมาธิการฯ ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น