xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ห่วงแม่วัยใส สั่งรื้อการศึกษา เล็งถกเวียดนามเชื่อมทาง รับ ตั้งกก.กังวลใช้งบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


"ประยุทธ์" เผย เป็นห่วงแม่วัยใสจำนวนมาก มีลูกไม่พร้อมลำบาก ให้ยึดวัฒนธรรมไทย อย่าทำตัวเป็นภาระสังคม เล็งรื้อการศึกษา สั่ง ซุปเปอร์บอร์ด ศธ. คิดหาเครื่องมือ พัฒนาแนวคิด เร่งสร้างทรัพยากรบุคคล พัฒนาชาติ เผย รบ.เวียดนามเตรียมบินถกไทย เล็งถกเชื่อมเส้นทาง รับ ตั้งคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะกังวลการใช้งบหลายประเภท เผย ห่วงเศรษฐกิจมหภาคมาตลอด ย้อนสื่อเสนอปรับครม.มาเดี๋ยวไปคิดเอง


วันนี้ (21ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า สำหรับด้านสาธารณะสุขตนเป็นห่วงเรื่องคุณแม่วัยใส ที่มีจำนวนมากขึ้น เพราะถ้ามีลูกเมื่อไม่พร้อมจะลำบาก

“ขอฝากไว้ด้วยว่าเรามีวัฒนธรรมไทย ผู้หญิงเราต้องทำตัวอย่างไรต้องรักนวลสงวนตัว ผู้ชายต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ดูแลให้เกียรติซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้จะต้องกลับมาสังคมจึงจะสงบ เพราะฉะนั้นอย่าเอาวัฒนธรรมของที่อื่นมาทำให้เป็นภาระทางสังคม ถ้าวันนี้เราไม่พร้อมจะดูแลลูกหลานไม่ได้ จะไปขี่มอเตอร์ไซค์เป็นเด็กแว้น คนพวกนี้เขาไม่ใช่คนเลวแต่เขาไม่รู้จะทำอะไร เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้เขา หนังสือก็อาจจะไม่ได้เรียน เพราะการเข้าถึงระบบการศึกษาอาจจะไม่เท่าเทียมกัน วันนี้จะให้รื้อระบบดูว่าจะดูแลคนเหล่านี้ที่มีจำนวน 4 ล้านกว่าคนอย่างไร ที่อาจจะเป็นคนมีรายได้น้อยออกจากระบบการศึกษาแล้วไปหางานทำ” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า การสร้างอนาคตให้ประเทศคือต้องสร้างบุคคลกรทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การวิจัยพัฒนา เราต้องเร่งสร้างตั้งแต่วันนี้มิเช่นนั้นไม่มีทางทัน เช่น ที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่จ.ระยองนั้น จะมีเด็กที่ไปแข่งขันนักเรียนพวกนั้นเป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ที่ผ่านเกณฑ์วัดเกิน 130 คะแนน นั่นคือเด็กฉลาดที่เราต้องสร้างขึ้นมา แต่เราไม่ได้บังคับเขา เขาสามารถเรียรู้ได้ทุกอย่างในหลักสูตร ทั้งรำ ละคร ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นการแนะแนวทาง และให้โอกาสการศึกษา ซึ่งถ้าเด็กแต่ละคนเห็นชอบ มีความถนัดไปทางไหนก็สามารถเอกทางเดินของตัวเองได้ไม่ได้บังคับ
นายกฯกล่าวอีกว่า อยากจะให้มีการคิดเครื่องมือพัฒนาด้านการศึกษา โดยให้กระทรวงศึกษาไปช่วยกันคิด ถ้าเราทำในโรงเรียนกำเนิดวิทย์ อย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องนำเอาครูในโรงเรียนต่างๆมาแนะนำด้วยจะได้ไปสิ้น เด็กไปพร้อมๆกัน กระทรวงศึกษาอาจจะใช้ซุปเปอร์บอร์ดร่วมพิจาณา

“เราจะต้องเร่งทำงานให้สำเร็จลุล่วง อะไรที่ทำได้ตอนนี้ก็ทำไป เพราะได้วางโรดแมปของเราไว้แล้ว ผมขอใช้สิทธิ์ที่เป็นนายกฯหรือหัวหน้าคสช. ทำอะที่ทำได้ให้ได้ก่อน เราต้องตอบสังคมได้ วันหน้าคนใหม่จะได้ทำต่อหรือคิดใหม่ แต่ข้อสำคัญประเทศไทยต้องก้าวหน้า เช่นเศรษฐกิจแนวใหม่ที่ต้องเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน จะต้องมีที่มาพร้อมกับการสร้างทรัพยากรมนุษย์ รัฐบาลนี้ทุกอย่างมีเหตุมีผลหมด ไม่เอาปัญหาเก่ามาสร้างใหม่ แต่จะแก้อย่างไร จะทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นพร้อมกันหมด ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา กระบวนการทางกฎหมายทางยุติธรรม” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายด้านการต่างประเทศรัฐบาลจะมาประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมสองชาติอย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 3 ร่วมกับเราและจะมาเยือนอย่างเป็นทางการ ไทย-เวียดนาม ในสัปดาห์นี้ (23 ก.ค.) โดยมีหลายเรื่องที่จะพูดคุยหารือร่วมมือกัน เช่น การท่องเที่ยวโดยจะเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมถึงกันได้ทั้งทางรถยนต์ และชายฝั่งโดยใช้เส้นทางเรือ นอกจากนี้ยังมีการเจรจาเรื่องการใช้ยานพาหนะข้ามแดน ที่ผ่านมามีปัญหาหมด เราจะนำเอาทุกเรื่องมาพูดกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึงความก้าวหน้างานด้านเศรษฐกิจว่า ถ้าเราพูดว่าไม่ดี เสียหายก็ไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้น วันนี้เราพยามทำทั้งระบบทั้งเศรษฐกิจระดับชาติ ในประเทศ ในอาเซียน ซึ่งวันนี้มีการเปิดตลาดไปเยอะแล้ว อย่างเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ตนลงพื้นที่จ.ระยองก็ดีใจเพราะผลไม้มีราคาสูงขึ้น จนกระทั้งผลไม้หายาก ทำให้มีคนไปเที่ยวแบบโฮมสเตย์กันเป็นจำนวนมาก น้ำที่จ.ระยองก็เยอะเพราะมีแหล่งน้ำ ฝนตกมาก็มีที่เก็บ อยากให้ตรงนี้เป็นบทเรียนว่า จะต้องสร้างแหล่งน้ำเยอะๆ จากภาครัฐและตัวเอง

เมื่อถามว่า มีการคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ มีเหตุผลเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า ตนกังวล ที่มีการใช้จ่ายงบประมาณไปในวันนี้ที่มีการใช้งบประมาณหลายประเภทด้วยกัน 1.ค่าใช้รายปี -ประจำปีของรัฐตามงบประมาณ 2.งบเงินกู้ ซึ่งมีโครงการใหม่ ๆ หลายโครงการตนก็เป็นกังวล ว่าบางโครงการมีการใช้เงินไปมากน้อยอย่างไร ตรงนี้คือสิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องทำ ที่จริงเราก็กังวลมาตลอดอยู่แล้ว สมมุติน้ำสามแสนกว่าล้านบาท วันนี้ทำได้แค่นั้นก็แค่นั้น เราจะไม่ผูกพันงบประมาณจนเต็มระบบ มันทำไม่ได้อันไหนจำเป็นก็จำเป็น ที่เป็นโครงการความร่วมมือแม้กระทั่งความร่วมมือไทย-จีนก็มีปลีกย่อยเยอะแยะ เพราะแยกคณะกันทำ ซึ่งเราเร่งได้อยู่แล้วแต่กระบวนการประชาพิจารณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจมหภาคใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ห่วงมาตลอด ตนไม่ได้สั่งงานเป็นชิ้นแต่สั่งงานในเชิงบูรณาการทั้งหมดอยู่แล้ว ตนบอกแล้วว่า รัฐบาลนี้ดูคน 70 ล้านคนไม่ได้ดูแค่ 10 ล้านคน หรือดูแต่พวกไม่มี ฉะนั้นต้องดูทั้งมหภาค จุลภาคดูหมด เศรษฐกิจแนวใหม่จะต้องเสริมซึ่งกันและกัน อุตสาหกรรมเสริมอุตสาหกรรมที่ไม่มีมลพิษ การเกษตรต้องปรับเป็นเกษตรสมัยใหม่ เกษตรกรต้องเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สร้างตลาดระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง ในประเทศ นอกประเทศในชุมชน ชายแดนเศรษฐกิจพิเศษ ต้องคิดแบบนี้ วันนี้เอกสารเป็นปึกๆ เอาผลวิจัย เอางานที่เอกชนเสนอเข้ามาแล้วเอามาดู มาอ่านมาสั่งการทุกวัน วันนี้ก็แจกคณะรัฐมนตรีไปดู ก็ตรงกับที่เราทำอยู่แล้ว เพียงแต่ตนอยากให้เอาตัวเลขเหล่านี้มาผลการวิจัยมาให้รับรู้ทั่วกัน ว่าเราทำไปบ้าง

เมื่อถามว่า ต้องมีการปรับทีมเศรษฐกิจเพื่อให้การบริหารดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปรับมาสิ ปรับมาเลย เสนอมาตนจะรับ เดี๋ยวตนไปคิดเอง






กำลังโหลดความคิดเห็น