xs
xsm
sm
md
lg

ทีวีแดงเฮ ศาลปกครองสั่งระงับคำสั่งถอนใบอนุญาต “ตุ๊ดตู่” งดโผล่ทีวีแลกไม่อุทธรณ์สู้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศาลปกครองกลางสั่งระงับคำสั่ง กสทช.เพิกถอนใบอนุญาตพีซทีวี ให้ออกอากาศปกติ แจงเหตุไม่ให้เวลาชี้แจงตาม พ.ร.บ. ทำแค่รวมเอกสารที่ขัด คสช.ก่อนมีคำสั่ง ถือว่าทำโดยเร่งรัด คำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างความจำเป็นด่วนฟังไม่ขึ้น ชี้มีผลยิ่งกระทบบริษัท-พนักงาน ย้ำพีซทีวีต้องทำตามประกาศ คสช.-กสทช.เคร่งครัด จ่าฝูงแดงตบเท้าฟังคำตัดสินเฮลั่น “จตุพร” ยันรายการตัวเองยังไม่กลับไปออกทีวี หวัง กสทช.ไม่อุทธรณ์สู้

วันนี้ (16 ก.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ส่งผลให้พีซทีวีสามารถกลับมาออกอากาศตามปกติได้ต่อไป

ทั้งนี้ ศาลได้ให้เหตุผลระบุว่า คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตพีซทีวีของ กสทช.เป็นคำสั่งทางปกครอง เพราะ กสทช.ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2553 ที่มีผลกระทบต่อสิทธิของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด และผู้ฟ้องคดีรวม 6 รายอย่างร้ายแรง ซึ่งก่อนที่ กสทช.จะออกคำสั่งดังกล่าวจำเป็นที่ต้องให้บริษัท พีซฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานตามข้อ 12 (1) ของประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกากระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง 2556 ที่กำหนดว่า ในการรวบรวมข้อเท็จจริงให้กสทช. แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ถูกร้องเรียนทราบถึงคำร้องเรียน พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาให้ผู้ถูกร้องเรียนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาอันควรแต่ไม่เกิน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กสทช.กำหนดขึ้นเองไว้โดยเฉพาะ และมีหลักเกณฑ์ที่ประกันความเป็นธรรม หรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการไม่ต่ำกว่าหลักเกณฑ์ทีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า กสทช.เพียงแต่รวบรวมเอกสารตามคำร้องเรียนจากคณะทำงานติดตามสื่อ กรมทหารสื่อสาร ฉบับลงวันที่ 22 เม.ย. 58 ที่แจ้งว่ารายการ “มองไกล” ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 09.00-11.00 น.มีเนื้อหาขัดต่อประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 และได้มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ถือเป็นการดำเนินการโดยเร่งรัด

“ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนหรือในชั้นไต่สวนว่า กสทช.ได้เปิดโอกาสให้บริษัทพีซฯ ได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน จึงถือได้ว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้ออ้างของกสทช.ที่ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน และเข้าข้อยกเว้นที่ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 มาตรา 30 (1), (3) และ (5) นั้นไม่อาจรับฟังได้ เพราะตามประกาศ กสทช.มิได้มีข้อยกเว้นให้ กสทช.มีอำนาจพิจารณาเพื่อออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ต้องให้โอกาสคู่กรณีได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานได้ และหากคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ ดังกล่าว ยังมีผลบังคับใช้ต่อไป ย่อมทำให้บริษัท พีซฯ ต้องหยุดให้บริการมีผลกระทบต่อรายได้ที่จะได้รับจากผู้สนับสนุนและมีผลกระทบต่อพนักงานบริษัทที่มีประมาณ 100 คนเศษที่จะต้องถูกเลิกจ้างทำให้ได้รับความเดือดร้อนยากแก่การเยียวยาแก้ไข แม้ภายหลังจะมีการไปออกอากาศทางอินเทอร์เน็ตก็ไม่อาจเยียวยาแก้ไขความเดือดร้อนเสียหายดังกล่าวได้ และการที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่าจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือบริการสาธารณะแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ให้บริษัทพีซฯปฏิบัติตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 เกี่ยวกับการให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช.และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ และปฏิบัติตามขอบเขต เงื่อนไขการอนุญาตตามประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ข้อ 14 โดยเคร่งครัด ภายใต้การควบคุมดูแลของ กสทช.ด้วย”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอ่านคำสั่งในวันนี้ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้บริหารพีซทีวี ในฐานะผู้ฟ้องคดี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายสมหมาย อัสราษี นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เดินทางมารับฟังคำสั่งกันอย่างพร้อมเพรียงและแสดงความดีใจเมื่อศาลมีคำสั่งดังกล่าว โดยนายจตุพรกล่าวว่า คาดว่าทางสถานีจะมีความพร้อมในการกลับมาออกอากาศอีกครั้งในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยตนได้แจ้งต่อศาลเพื่อแสดงเจตนาไม่ให้ทั้งฝ่ายพีซทีวี หรือ กสทช. รู้สึกว่าใครเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ รายการมองไกลที่ตนเป็นผู้ดำเนินรายการ และทำให้พีซทีวีถูกเพิกถอนใบอนุญาตก็จะไม่มีการกลับมาออกอากาศทางสถานีพีซทีวีอีก จนกว่าบ้านเมืองจะเข้าสู่บรรยากาศที่สามารถกลับมาพูดคุยกันได้ แต่จะยังคงออกอากาศทางอินเทอร์เน็ตต่อไป และคิดว่าเมื่อตนได้แสดงเจตนาเช่นนี้แล้วทาง กสทช.ก็น่าจะพิจารณาในเรื่องการไม่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว







กำลังโหลดความคิดเห็น