xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเริ่มแจกเงินทารกจน 400 ต่อเดือน 1 ต.ค.นี้ อ้างหวังให้แม่พาลูกไปตรวจ-รับวัคซีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล (แฟ้มภาพ)
รองโฆษกรัฐบาลเผยรัฐเดินหน้าจ่ายเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจนคนละ 400 ต่อเดือนนาน 1 ปี เริ่ม 1 ต.ค.58 - 30 ก.ย. 59 สั่งราชการประชาสัมพันธ์หญิงตั้งครรภ์มาลงทะเบียน อ้างเป้าหมายให้แม่พาลูกไปตรวจร่างกาย รับวัคซีน คาดมีเด็กร่วมโครงการ 1.3 แสนราย เผยคุณสมบัติต้องมีรายได้ต่ำกว่า 3,000 ต่อเดือน ไม่มีที่ทำกิน หรือมีภาวะพึ่งพิง

วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าโครงการจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครอบครัวยากจน โดยมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือนเป็นเวลา 1ปี สำหรับเด็กที่เกิดระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 58 ถึง 30 ก.ย. 59 ซึ่งเป็นนโยบายที่รับผิดชอบโดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ อสม. อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) บ้านพักเด็กและครอบครัว อปท.ทั่วประเทศ รวมทั้งสำนักงานเขตดำเนินการประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ให้มาเข้าร่วมโครงการ และให้ดำเนินการเตรียมการเรื่องการดูแลและติดตามจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ทั้งนี้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และมีกำหนดที่คลอดบุตรในช่วงดังกล่าวสามารถมาลงทะเบียนใช้สิทธิได้ โดยมีเอกสารที่ควรเตรียมได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก สูติบัตรเด็กแรกเกิด (นำมายื่นหลังจากคลอดบุตร) และแบบรับรองสถานะครัวเรือน และใบลงทะเบียนรับรองสิทธิ โดยในต่างจังหวัดดำเนินการผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล และ อบต. และในเขตกรุงเทพมหานครยื่นที่สำนักเขตตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับการสนับสนุนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

“เป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ คือ การสนับสนุนให้คุณแม่ได้ดูแลสุขภาพบุตรอย่างเป็นมาตรฐาน เพราะจะต้องนำบุตรไปตรวจร่างกาย รับวัคซีนให้ครบถ้วนตามช่วงอายุด้วย จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 400 บาทต่อเดือนทุกเดือน จนทารกอายุครบ 1 ปี อีกทั้งการนำบุตรไปพบแพทย์จะทำให้คุณแม่ได้รับคำแนะนำด้านสุขภาพอนามัยและการเลี้ยงดูบุตรไปในตัว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเลี้ยงดูบุตรได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ส่วนเงินอุดหนุนเป็นเพียงผลพลอยได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น” พล.ต.สรรเสริญกล่าว

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า คาดว่าจะมีเด็กแรกเกิดประมาณ 135,768 คนในโครงการ และหลังจากจบโครงการจะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอีกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคุณสมบัติของครอบครัวที่จะได้รับเงินอุดหนุน คือ มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีภาวะพึ่งพิง ได้แก่ ในครอบครัว มีคนพิการ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีในปกครอง เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น