“อภิสิทธิ์” เผยไม่รู้รองนายกฯ คิดยังไงเอาค่าธรรมเนียมศาล 600 ล้านเป็นปัจจัยฟ้องไม่ฟ้องจำนำข้าวเหลว “ยิ่งลักษณ์” ที่เสียหายกว่า 6 แสนล้าน ย้ำทำตามข้อเท็จจริง จี้ “ประยุทธ์” ลุยต่อ ชี้แพ้คดีค่าธรรมเนียมก็เข้ารัฐ บี้สรุปยอดเสียหายให้ชัด อย่าใช้การประมาณการ เชื่อทำได้แล้วไม่ต้องรอปีหน้า แนะ คลัง-พณ.ประชุมรวมไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างคำนวณ พร้อมย้อนเอาผิดผู้ตรวจสอบข้าวรัฐบาลปูที่โกหกข้าวดี
วันนี้ (10 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ระบุถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขาดทุนมากกว่า 6 แสนล้านบาทว่า ตนไม่ทราบว่านายวิษณุคิดอย่างไรที่ระบุเอาค่าธรรมเนียมศาลมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาว่าจะคุ้มค่าต่อการยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่ แต่เห็นว่าทุกอย่างต้องปฏิบัติตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน และในขณะนี้คดีอาญาก็เดินอยู่มีความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงมหาศาล ผู้เสียหายคือรัฐและประชาชน รัฐจึงต้องทำหน้าที่แทนประชาชนเดินหน้าต่อโดยฟ้องในเรื่องนี้
“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเดินหน้าต่อ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเข้ามาเพื่อสะสางปัญหาอย่างแท้จริง และถ้าปล่อยไปก็เป็นการละเลย และเป็นเรื่องที่สังคมจับตาเนื่องจากเป็นความเสียหายจากนโยบายของรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุด ถ้ากรณีแบบนี้ไม่มีการดำเนินการก็จะเป็นปัญหาต่อไปแน่นอน จึงไม่คิดว่ารัฐบาลจะเสียดายเงินค่าธรรมเนียมวางต่อศาลจำนวน 600 ล้านบาท จนไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 6 แสนล้านบาท เพราะแม้ว่าจะแพ้คดีเงินจำนวน 600 ล้านบาทก็ไม่ได้สูญหายไปไหนก็เข้ารัฐ จึงหวังว่านายวิษณุพูดเรื่องนี้เพียงว่าให้มีความรัดกุม แต่ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะข้อมูลต่างๆ อยู่ในมือรัฐหมดแล้ว”
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการสรุปยอดตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลแถลงเป็น 2 ช่วงคือช่วงแรกขาดทุน 5.1 แสนล้านบาท ต่อมากระทรวงพาณิชย์สรุปการขาดทุนจากการระบายข้าวในสต็อกที่มีปัญหาข้าวเสื่อมคุณภาพว่ามียอดสูงถึง 4 แสนล้านบาทนั้น รัฐบาลควรสรุปยอดความเสียหาย ให้ชัดเจน เข้าใจว่าที่รัฐยังไม่สรุปยอดทั้งหมดเพราะยังไม่นิ่ง เนื่องจากยังขายข้าวไม่หมด แต่สามารถใช้ผลการประมูลที่ผ่านมา การเสื่อมสภาพของข้าวในสต๊อกมาประมาณการได้ว่ามีความเสียหายอย่างไร ขณะนี้เชื่อว่าสามารถคำนวณสรุปยอดความเสียหายได้แล้วไม่จำเป็นต้องรอถึงปี 2560 เหมือนที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาระบุ โดยนำยอดเสียหายความเสื่อมของข้าวในสต๊อกมารวมกับตัวเลขความเสียหายที่แถลงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ควรประชุมร่วมกัน ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างคำนวณจะยิ่งสับสน และควรตรวจสอบย้อนกลับไปด้วยว่าในรัฐบาลที่แล้วมีการตรวจสอบสต๊อกข้าวที่ยืนยันว่าไม่มีข้าวสูญหายและเป็นข้าวดี 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสวนทางกับผลการสำรวจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีการปกปิดตัวเลขยอดความเสียหายหรือไม่ ใครเป็นผู้ดำเนินการและผู้ที่ต้องรับผิดชอบในกรณีนี้