นายกรัฐมนตรีเผยมหาดไทยจัดตลาดสี่มุมเมือง เน้นให้ผู้มีรายได้น้อยนำสินค้าจิปาถะมาขายทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ พร้อมขอบริษัทยักษ์ใหญ่ลดราคาสินค้า 5% สั่งหาทางแก้หนี้ครัวเรือน ส่วนเรื่องภัยแล้งสั่งหาทางขุดลอกแหล่งน้ำทุกภาค เผยรับมือขุดบาดาลให้คนกรุงเทพฯ ใช้หากมีน้ำเหลือ 30 วัน อีกด้านโวยการเมืองท้องถิ่นขวางนิคมฮาลาล
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงความเป็นห่วงผู้มีรายได้น้อยจริงๆ โดยกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งแผนตามที่ตนได้สั่งการไป คือ การจัดตลาดทั้งสี่มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร ตนจะเร่งดำเนินการ โดยขณะนี้หาพื้นที่ได้แล้ว และจะหาสินค้าต่างๆ ให้คนมาค้าขายกัน โดยจะเป็นในลักษณะเดียวกับตลาดริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญคือผู้ที่เข้ามาขายก็ต้องเป็นคนที่มีรายได้น้อยจริงๆ ไม่ใช่ห้างร้านตัวแทน สำหรับสินค้านั้นจะเป็นจิปาถะ และกำหนดให้เกิดเร็วที่สุด ใช้เวลาในการค้าขายวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ 3 วัน นอกจากนี้ตนได้สั่งการเพิ่มเติมในการไปขอความร่วมมือกับบริษัทใหญ่ๆ ดูว่าให้มีการลดราคาสินค้าที่ขายสัก 5 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี ประชาชนจะได้มีความสามัคคีเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยตนขอร้องธุรกิจขนาดใหญ่ เท่าที่ทราบขณะนี้มีหลายบริษัทที่ให้ความร่วมมือ
อีกเรื่องที่เป็นห่วง คือ หนี้ครัวเรือน ที่หมักหมมมานาน ตนได้สั่งการให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังไปพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร จะมีเงินตรงไหน แต่ทั้งนี้ก็เป็นเงินที่ไม่มากนักในการให้กู้แบบไม่มีดอกเบี้ย ขณะนี้เรากำลังดูอยู่ เรารู้อยู่ว่ามีหนี้เท่าไรจากที่ดูในระยะแรก ที่กระทรวงมหาดไทยดูอยู่ในส่วนของเกษตรกรมีประมาณ 3-4 แสนล้านบาท และหากรวมทุกประเภทจริงๆ แล้วก็เป็นล้านล้านบาท เราจะเอาเงินที่ไหน นี่คือปัญหาจากการที่ไม่ทำโครงสร้างให้เข้มแข็ง ไม่สร้างห่วงโซ่ของคุณค่าที่ต่อเนื่องกัน ที่ผ่านมาอนุมัติเงินเป็นจ๊อบๆ ให้จบๆ ใช้เงินไปมันก็เป็นอย่างนี้ โดยวันนี้ตนกำลังทำ รู้ว่าทุกคนคาดหวัง และขอให้รู้ในเจตนา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้เน้นย้ำเรื่องของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาภัยแล้ง ที่ผ่านมาเราสูญเสียเนื้อที่เป็นล้านไร่ ล้วนเป็นป่าต้นน้ำทั้งสิ้น เหล่านี้ส่งผลให้ฝนไม่ตก น้ำใต้ดินแห้ง จากนั้นจึงส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชน ดังนั้นรัฐบาลจึงทำทุกอย่างเพื่อดูแล คาดว่าเมื่อฝนมาทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
นอกจากนี้ยังได้สั่งการไปว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถขุดลอกแหล่งน้ำในทุกภาค โดยเฉพาะพื้นที่ใต้อ่างเก็บน้ำ เพราะเมื่อเวลาที่ฝนตกลงมาในเขื่อนก็จะถูกกักไว้ แม้ว่าเวลาที่น้ำไหลไปก็ยังเหลือน้ำส่วนใต้อ่างนี้ไว้ และสั่งการให้ปรับแก้งบประมาณและเร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามสร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชนในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตาม อยากขอบคุณเกษตรกรชาวอีสานที่เลื่อนการปลูกข้าวตามคำแนะนำของรัฐบาล ขณะเดียวกัน เกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็กำลังปลูกข้าวอยู่ แต่ว่าจะมีปริมาณน้ำเท่าใดก็คงปลูกได้เท่านั้น หากเกิดความเสียได้ก็ต้องเข้าไปดูแล เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราพูดแล้วว่าถ้าไม่ฟังก็จะเป็นแบบนี้ รัฐบาลจะเอาจากไหนมาให้ แต่เพื่อแก้ไขปัญหาเราก็มีการขุดบ่อบาดาลไปแล้วกว่าพันบ่อ
เมื่อถามว่ามีการประเมินว่าปริมาณพื้นที่ กทม.จะมีน้ำเหลือใช้เพียง 30 วันเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องประเมิน จะประเมินทำไม สำหรับแผนรับมือก็ต้องเปิดน้ำบ่อบาดาลใช้ในเขต กทม. ใช้ในเขตเมือง ส่วนต่างจังหวัดนั้นเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยตนได้สั่งการให้กระทรวงทรัพย์เจาะบ่อบาดาลอีก 500 บ่อแล้ว วันนี้เมื่อเรานำน้ำไปปลูกพืชหมด หากไม่มีน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคจะทำอย่างไร เพราะฝนไม่ตก น้ำในเขื่อนมีน้อย แต่ชาวนากลับบอกว่าจะต้องทำนา โดยรัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหา แล้วจะให้แก้อย่างไร
“ประเมิน โถ่ ไม่ต้องประเมินก็เห็นอยู่ ตาไม่ได้บอด จะให้รอน้ำค้างแบบเดินป่าหรืออย่างไร ผมอ่านหนังสือพิมพ์ก็เห็นว่าชาวสหรัฐฯ เขาเดือดร้อนเหมือนกัน เขาอาบน้ำในขวดเพราะแห้งแล้งเหมือนกัน เขาก็อธิบายเดือนนี้ใช้ขวด เดือนนี้ใช้หลอด ใช้สายไฟอาบน้ำ แบ่งกัน เขาไม่เห็นจะถามรัฐบาลเลยว่ารัฐบาลประเมินอย่างไรครับ ก็น้ำมันไม่มี ฝนมันไม่ตก จะประเมินอะไรกันนักหนา ไม่ต้องประเมิน ฝนตกก็เปียก แต่มันยังไม่ตก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอนปี ฮ.ค. 1436 และได้คุยกับจุฬาราชมนตรี ผู้นำศาสนาอิสลาม และผู้นำชาวไทยมุสลิมในหลายเรื่อง ทั้งความไม่สงบในภาคใต้ ทุกคนให้ความร่วมมือและเข้าใจกับรัฐบาลที่มีมาตรการที่ชัดเจน และต้องขอโทษด้วยที่บางเรื่องยังพูดไม่ได้เพราะยังต้องหารายละเอียด ที่ผ่านมาเมื่อพูดทั้งสองฝั่งเรื่องก็ไม่จบ ยังมีอีกหลายอย่างทั้งกฎหมาย การพัฒนา ความรุนแรง อัตลักษณ์ ชาติพันธุ์ ดังนั้นกลุ่มเห็นต่างต้องไปหาเรื่องเหล่านี้ เมื่อกำหนดเรื่องได้ก็มาคุยกัน จากนั้นส่งให้คณะอนุกรรมการพิจารณา แล้วนำมาเสนอรัฐบาลว่าจะทำกันอย่างไร ทั้งนี้เราต้องพูดคุยกันว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และผู้นำต่างๆ ได้รับปากไป เราต้องมองว่าทุกคนคือคนไทยทั้งสิ้นแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก เราต้องดูแลตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสร้างนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่ยังเป็นปัญหายังไม่มีความคืบหน้า นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตนแต่อยู่ที่ประชาชนในพื้นที่ที่มีคนลงทุนแล้ว และเกิดความขัดแย้งกับการใช้ที่ดินที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งอาจจะมีการเมืองท้องถิ่นบ้าง ทำให้ประชานเกิดปัญหาจึงต้องหาพื้นที่ใหม่ ตนบอกแล้วว่าสนับสนุนทุกอย่างที่จะเป็นรายได้ อาชีพ แต่มีคนที่เป็นการเมืองท้องถิ่นยังไม่เลิกพฤติกรรมเหล่านี้ ท่านก็อยู่ของท่านไปเถอะ ตนยื่นโอกาสให้แล้วแต่ไม่รับมัน แล้วตนบังคับได้ไหม หรือว่าไม่ยอมรับเพราะว่าเกรงศาสนาอื่นจะมาอยู่ที่นี่ ตนถามว่าใครล่ะ สื่อต้องไปตีคนเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่มาโทษตนที่เป็นคนให้ตั้ง และเป็นคนพูดกับจุฬาราชมนตรี ผู้นำอิสลาม ไทยมุสลิม และที่ให้ตนสนับสนุนอาจารย์ก็พร้อม ยินดีและให้กระทรวงมหาดไทยไปดู สุดท้ายก็เลือกที่กรมธนารักษ์ให้เช่า แต่วันนี้กลับบอกไม่ได้ บอกจะไปทำโรงงานขยะ พอจะทำก็ไมได้อีก บอกว่าจะไปทำอย่างอื่นที่เกิดประโยชน์ นี่ไงเป็นอย่างนี้บ้านเมือง แล้วสื่อจะสนับสนุนให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหรือ สื่ออาจจะไม่ได้เจตนา แต่เขียนไปให้สนุกบ้างอะไรบ้าง กรุณาเขียนให้เป็นสาระด้วย