“ประวิตร” แจงทำตามกฎหมาย เรือประมงผิดกฎหมายทำประมงไม่ได้ ย้อนละเลยเสียหายมานาน ย้ำไม่ได้ห้ามทำประมงชายฝั่ง ปัดมีมาตรการปิดอ่าวฟื้นฟูทรัพยากร เชื่อเดินเรือตามกำหนดปลาทะเลเพิ่ม ไม่คิดเสียแนวร่วม มั่นใจเห็นแก่ชาติไม่หยุดทำประมง ย้อน 14 นักศึกษาทำผิดกฎหมายหรือไม่ จี้เห็นใจช่วงเปลี่ยนผ่าน โต้ทหารคุกคามครอบครัว โยน ครม.พิจารณาเรือดำน้ำ ปัดตอบของจีน ให้ ผบ.ทร.เคลียร์
วันนี้ (2 ก.ค.) ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเรือประมงที่ไม่ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องถามกฎหมายเริ่มหยุดทำการประมงว่า เราต้องทำตามกฎหมาย เพราะขณะนี้กฎหมายออกมาเรียบร้อยแล้ว เรือประมงที่ผิดกฎหมายก็ออกไปทำการประมงไม่ได้ ส่วนเรือที่ถูกกฎหมายก็ออกไปทำการประมงได้ตามปกติ ส่วนปัญหาที่ว่าขึ้นทะเบียนไม่ทันนั้น ที่ผ่านมาทางกองทัพเรือก็จัดเรือทำศูนย์วันสต็อปเซอร์วิสให้บริการจดทะเบียนในทะเล ช่วยเหลือทุกอย่าง แต่ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ ที่ผ่านมาเราปล่อยให้เรือประมงทำผิดกฎหมายมาเป็นเวลานานตั้งแต่ปี 2534 ดังนั้นต้องทำให้ถูกต้องตามหลักสากล เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ และเราก็ค่อยๆ แก้ไขปัญหาต่อไปโดยทางรัฐบาลก็จะหารือเพื่อช่วยเหลือต่อไป สำหรับการทำประมงชายฝั่งนั้นไม่ได้มีการห้ามทำและยังสามารถทำได้ตามปกติ ส่วนเรือประมงที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนก็มีจำนวนไม่มาก
เมื่อถามว่าจะมีมาตรการปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรทางทะเลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่มี ถ้าเรือออกไปตามกำหนดของจำนวนเรือที่จดทะเบียน โดยทาง พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้คำนวณแล้วว่าจำนวนเรือที่ขึ้นทะเบียนเหล่านั้นไม่มีปัญหา สามารถทำการประมงได้ และเชื่อว่าสัตว์น้ำก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ เพราะขณะนี้ปริมาณปลาในทะเลมีจำนวนลดลง เหลืออยู่เพียง 20% ดังนั้นเราต้องเพิ่มปลาให้ได้
เมื่อถามว่าการที่ออกกฎหมายจริงจังแบบนี้เกรงว่าจะเสียแนวร่วมที่เป็นชาวประมงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่เสีย เพราะถ้าคนเข้าใจในกฎหมายและเข้าใจว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีทางเสียแนวร่วมแน่นอน อีกทั้งคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลและผบ.ทร.ดำเนินการ ตนเชื่อว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา ที่ผ่านมารัฐบาลให้เวลาเรือประมงที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนมาหลายเดือน แต่เมื่อเขาไม่สนใจก็ต้องได้รับผิดกระทบแบบนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่ชาวประมงประกาศจะหยุดทำการประมงในวันที่ 4 ก.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนคิดว่าชาวประมงจะไม่หยุดทำการประมง เพราะเชื่อว่าเขาเห็นใจรัฐบาลและประชาชนในภาพรวม ตนไม่ได้ไปต่อรองกับเขา แต่เขาต้องเห็นใจประเทศชาติและประชาชนกว่า 60 ล้านคน ตอนนี้ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ส่วนจะคลี่คลายอย่างไรค่อยมาว่ากัน อนาคตตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะปลดใบเหลือง หรือจะโดนใบแดงหรือไม่ ขอให้เห็นแก่ภาพรวมของประเทศด้วย
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 นักศึกษาว่า ถามว่าตอนนี้เขาทำผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดเราก็ต้องมาดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ตอบคำถามไปแล้ว ต้องหาทางคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ต้องเห็นใจว่าประเทศกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และนายกฯก็ประกาศโรดแมปอย่างชัดเจนว่าขณะนี้ได้ดำเนินการทำอะไรบ้าง ขอให้ทุกฝ่ายหยุดก่อนแล้วมาช่วยคนจน รวมถึงช่วยชาวนาที่ประสพปัญหาภัยแล้งเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ก่อน ปัญหาการเมืองอย่าเพิ่งออกมา อย่างไรก็ตาม ขอรับรองว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายและจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไปข่มขู่ครอบครัว 14 นักศึกษา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไปถามเขาว่าทหารไปคุกคามหรือไปพูดคุยด้วย ตนยืนยันว่าไม่มีทหารไปคุกคาม สื่อต้องช่วยกันคิด คำถามอย่าไปทำให้ตีกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนช่วยกันทำตามรัฐบาล อย่าไปขัดแย้ง เพราะจะทำให้ไม่เกิดความปรองดอง รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยากได้อำนาจ โครงการทุกโครงการทางรัฐบาล นายกฯ และตนก็ไม่มีผลประโยชน์ เพราะทำทุกอย่างเพื่อส่งต่อให้วันข้างหน้า
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาเรือดำน้ำว่า ขณะนี้กองทัพเรือโดยคณะกรรมการคัดเลือกเรือดำน้ำ จำนวน 17 คน ได้พิจารณาแล้วว่าจะเลือกเรือดำน้ำของประเทศใด หลังจากที่เดินทางไปดูเรือดำน้ำของประเทศต่างๆ โดยจะต้องดูเรื่องประสิทธิภาพ ราคา และการใช้งาน ถ้าได้เฉพาะเรือดำน้ำ ไม่มีอาวุธตนถามว่าจะเอามาทำไม ทั้งนี้ต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง
เมื่อถามว่าถ้าเป็นเรือดำน้ำของประเทศจีน เราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ตอบ ขอให้ถาม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่ศึกษารายละเอียดของเรือดำน้ำในแต่ละประเทศ ตนเพียงแต่บอกว่าควรจะมีเรือดำน้ำ