นายกฯ เผยเซ็นตีกลับข้อสรุปผลสอบสวน “หมอณรงค์” ให้ไปทำให้ชัดผิดอะไร ห่วงผลกระทบจากความขัดแย้ง กำลังลดอยู่ จวกบางคนขยายความกันเรื่อยเปื่อย ยัน สปสช.ต้องแก้ไขให้เกิดการยอมรับทั้งสองฝ่าย โวยรัฐยุคเก่าๆ ไม่ใส่ใจในงบ ถามให้ค่ารักษาทุกโรคแค่หัวละ 2,900 พอหรือไม่ ประเทศพร้อมหรือไม่ เชื่อไม่กี่ปีโรงพยาบาลเจ๊งหมด ลั่นไม่ยกเลิก แต่ต้องคิดทำให้มีเงินเพิ่ม จะเอาทุกอย่างแล้วจะเอารายได้มาจากไหน ชี้ถูกบิดเบือนมาหมด จะอยู่แบบนี้ก็ไปเลือกตั้งเลยแล้วกัน
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีการลงนามให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ กลับไปทำหน้าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขต่อว่า “ทำไมล่ะ และที่มีข่าวว่าผมได้ลงนามไปแล้วนั้น ความจริงเป็นการลงนามในข้อสรุป โดยให้การไปดำเนินการต่อให้ชัดเจนมากขึ้น และถ้ามีความชัดเจนขึ้นก็ให้เขากลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ความหมายของผมคือตรงนี้ที่มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปดูแลในเรื่องดังกล่าว เพราะนายวิษณุเป็นรองนายกฯ ที่ดูแลฝ่ายกฎหมาย ก็ไปทำในแง่ของการนำผลสอบสวนแต่ละอันมาวิเคราะห์ว่าจะสรุปอย่างไร เพราะมีการสรุปว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติในกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีความผิดอะไรพร้อมเสนอให้นายกฯ หาตำแหน่งที่เหมาะสมให้ซึ่งเหตุผลตรงนี้ไม่ชัดเจน
ถ้าตอบมาแค่นี้คงไม่ต้องสอบสวน ผมทำเองก็ได้ แต่เนื่องจากปัญหามีความซับซ้อนในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขด้วย ข้าราชการมีความเห็นต่างกันต้องหาข้อยุติให้ได้ ตอนนี้มีเรื่องของสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้ามาอีก เป็นเรื่องข้อสังเกตขององค์กรอิสระต่างๆ เข้ามาอีกก็ต้องสอบกันทั้งหมด สิ่งที่ผมเป็นห่วงไม่ได้ห่วงว่าใครจะกลับใครจะไป สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือสิ่งที่มีผลกระทบอันเกิดขึ้นจากความขัดแย้ง การใช้สิทธิตามหลักประกันจะทำอย่างไรก็ต้องไปดูในจุดนี้ก่อน ในเรื่องความขัดแย้งของคนก็ต้องมีการสอบออกมา ซึ่งก็ต้องใช้เวลาแต่ทำอย่างไรการใช้จ่ายเงินงบประกันสังคมจะออกมาได้จากที่ยังติดค้างอยู่ เราต้องมองประเด็นที่ผลประโยชน์ชาติและประชาชนมาก่อน เรื่องตัวบุคคลเป็นเรื่องของกลไก และกฎหมายที่ต้องว่ากัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องของ สปสช.จะมีทางออกที่ดีหรือไม่หลังจากที่เกิดความขัดแย้งค่อนข้างรุนแรงในองค์กร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐกำลังทำอยู่ในเรื่องการลดความขัดแย้ง ตนเป็นคนทำแต่บางคนทำให้เกิดความขัดแย้งมีการขยายความกันเรื่อยเปื่อยไม่จบทุกคนก็รู้ดี อย่างไรก็ตาม สปสช.ก็ต้องมาแก้ไขเพื่อให้เกิดการยอมรับทั้งสองฝ่าย เพราะทุกวันนี้ทั้งหมดชนบท หมอสาธารณสุข และอีกหลายหมอวุ่นกันไปหมด ก็ต้องขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยกันอธิบายว่าตนและรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาในจุดนี้อยู่
เมื่อถามว่า เป็นเพราะเงินงบประมาณในส่วนนี้มีเยอะมากเกินไปหรือไม่ จึงทำให้เกิดปัญหา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าไปพูดว่ามีการทะเลาะกันมายาวนาน แต่เป็นเพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่สนใจและไม่ใส่ใจในเรื่องของงบประมาณสาธารณสุข มันมีไม่พอ ที่ไม่พอเพราะไปทำโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นไปได้หรือไม่ความจริงผมไม่อยากจะพูด โครงการรักษาทุกโรคนั้นเป็นโครงการประชานิยม ประชาชนได้รับประโยชน์ ตนไปพูดอะไรไม่ได้ แต่อยากถามว่าเรามีความพร้อมหรือยัง เฉลี่ยแล้วอยู่ที่คนละ 2,900 บาท แล้วรักษาพอหรือไม่ แล้วโรงพยาบาลจะรับไหวหรือไม่ในงบประมาณแค่ 2,900 บาท มันรับไม่ไหวโรงพยาบาลก็จะเจ๊ง พอเจ๊งแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องไปหางบประมาณให้กับ สปสช.เข้ามาเพิ่มให้เท่านั้นเอง จำนวนเงินดูเหมือนมากแต่เมื่อนำไปหารเฉลี่ยเป็นเงินเพียงนิดเดียว
“ผมขอถามว่าประเทศไทยพร้อมแล้วหรือยัง อีก 190 กว่าประเทศยังไม่เห็นมีใครทำเลยในโครงการแบบนี้ มีทำเพียงกี่ประเทศเชียว อยากถามว่ารัฐบาลไหนทำมาแล้วผมจะไปล้มได้หรือไม่ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแต่เป็นเรื่องของการบิดเบือนในเกือบจะทุกเรื่อง จึงทำให้เป็นภาระในวันนี้ แล้วก็ออกมาเรียกร้อง มันจะเอาอะไรจากผมกันเล่า ถ้าผมสามารถทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปงบประมาณสปสช.จะต้องทำอย่างไร ส่วนไหนจะให้กับโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนไหนจะเป็นเรื่องของโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องนำไปเติมให้ ส่วนตัวเชื่อว่าในวันข้างหน้าอีกไม่กี่ปีโรงพยาบาลจะเจ๊งทั้งหมด แต่ก็ยังมีคนชื่อชมคนที่คิดโครงการนี้ออกมา แล้วจะให้ผมพูดเป็นอย่างได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นสื่อมวลชนก็จะมาด่าผม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราดูแลทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจน มีสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมด ถึงวันนี้ตนไม่ได้ฝืนและคงไปยกเลิกไม่ได้เพียงแต่ต้องคิดว่าต้องทำอย่างไรให้มีเงินมากขึ้น วันนี้ถ้าทุกคนเรียกร้องทั้งหมดปัญหาก็มีเป็น 100 เรื่องต้องใช้เงินเป็นพันๆ ล้านบาท จะเอาทุกอย่างแต่รายได้ไม่มีสักบาทแล้วจะเอารายได้มากันจากไหนทุกวันนี้เราลงทุนเพื่ออนาคต ก็ต้องมาดูกันว่าในวันข้างหน้าใครจะเข้ามาสร้างอนาคตให้กับประเทศ ถ้ามัวแต่ไปสร้างความขัดแย้งก็จะกลายเป็นปัญหาทั้งหมด กลายเป็นผมขัดแย้งกับสื่อมวลชนและไปขัดแย้งกับกลุ่มนั้น กลุ่มโน้นซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผมไม่อยากไปขัดแย้งกับใคร ผมเข้ามาก็ต้องการที่จะหยุดความขัดแย้งทั้งหมดเดินหน้าประเทศและวางอนาคตของประเทศให้ได้ แต่สื่อฯ ก็พยายามที่จะเอาเรื่องอื่นมากระทบกับผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประมง ที่ดิน อย่าลืมว่าทั้งหมดบิดเบือนมาทั้งหมดแล้ว แล้ววันข้างหน้าเราจะอยู่แบบนี้กันหรืออย่างไร ถ้าอยากจะอยู่กันแบบนี้ก็ไปเลือกตั้งกันเลยแล้วก็เอาไป แล้วทำให้ได้ก็แล้วกัน