นายกฯ สั่ง จนท.รับมือภัยธรรมชาติ ห้ามทำงานหน้าเดียว ชม จนท.ฝนหลวงเพิ่มน้ำในอ่างเก็บ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกรัฐมนตรีสั่งการเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ เตือนห้ามทำงานหน้าเดียว แต่ต้องปรับเปลี่ยนภารกิจได้ พร้อมฝากขอบคุณหน่วยฝนเทียมเพิ่มน้ำในอ่างเก็บน้ำ ต้องการอะไรประสานได้ตลอดเวลา

วันนี้ (21 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้การรับมือภัยธรรมชาติมีความซับซ้อน เนื่องจากบางพื้นที่ประสบภัยแล้งในขณะที่บางจุด เผชิญกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เกิดอุทกภัย วาตภัย และ น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะที่จังหวัดเพชรบูรณ์พบว่า หลายพื้นที่ประสบกับสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้เตรียมพร้อมเผชิญเหตุในทุกมิติ โดยสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งท้องที่และท้องถิ่น เตรียมรับสถานการณ์ทั้งน้ำแล้ง และน้ำหลาก

“เจ้าหน้าที่ต้องมีความพร้อม ห้ามทำงานหน้าเดียว ต้องสามารถปรับเปลี่ยนภารกิจได้ตามเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ต้องสามารถทำงานได้หลายมิติ โดนในพื้นที่น้ำหลาก ต้องรีบปันน้ำเข้าสู่ระบบแก้มลิง และแหล่งน้ำในพื้นที่ บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และเก็บกักน้ำไว้สำหรับภารกิจด้านการเกษตรและอุปโภค บริโภค” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝนเทียม ที่ระดมฝูงบินจากภาคใต้ขึ้นไปช่วยภารกิจฝนเทียมในภาคกลางและภาคเหนือ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้นมาก แม้จะยังอยู่ในจุดวิกฤต แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมาก โดยฝากชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝนเทียมทุกหน่วยที่ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ โดยเอาประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

ทั้งนี้ หากมีความต้องการการสนับสนุนใดเพิ่มเติมจากส่วนกลางและรัฐบาล ให้ประสานตรงได้ตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงสุด โดยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นมา มีการขึ้นบินของหน่วยปฏิบัติการฝนเทียมแล้ว 2,728 เที่ยวบิน และสามารถทำให้เกิดฝนตกคิดเป็นร้อยละ 92.1 ของจำนวนครั้งที่ขึ้นบิน