ผ่าประเด็นร้อน
“หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ และมีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะดำรงตำแหน่งไปจนกระทั่งมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และได้ถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้ว นาทีต่อนาที จึงแปลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ตำแหน่งหลังการเลือกตั้งเพียงสองเดือน ส่วน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้นจะสิ้นสุดเมื่อมีการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
“จากนั้นจะมีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้นมา ซึ่งจะทำหน้าที่จนถึงวันที่มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ไม่ควรอยู่ยาวกว่านั้น มีแต่จะอยู่สั้นกว่านั้นหรืออยู่กว่ากำหนด ส่วนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แม้จะมีการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว จนมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ก็ยังทำหน้าที่ไปจนกระทั่งมีการเลือกตั้ง หรือ การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวมีแต่สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ยังไม่มี ส.ว. ดังนั้น เมื่อมีการเลือก ส.ว. เมื่อไหร่ สนช. ก็จะไปเมื่อนั้น เพราะช่วงที่ยังไม่มี ส.ว. นั้น สนช. จะทำหน้าที่แทน ส.ว. ขณะที่ กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญจะทำหน้าที่ไปถึงวันเปิดสภา
“หากประชามติร่างรัฐธรรมนูญผ่าน กมธ. ยกร่างฯ จะไปทำกฎหมายลูกในเดือนมกราคม 2559 หลังจากนั้นจะส่งให้ สนช. พิจารณาในช่วงเดือนมีนาคม ถึง เมษายน 2559 หลังจากนั้น จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในเดือนพฤษภาคม 2559 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับรองแล้วจะเข้าสู่ช่วงเตรียมตัวก่อนการเลือกตั้งซึ่งมีเวลา 90 วัน ตั้งแต่กรกฎาคม ถึง สิงหาคม 2559 ซึ่งการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม หลังจากนั้น จะใช้ระยะเวลาประกาศผลใน 30 วัน ขั้นตอนหลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อมีการประชุมเลือกนายกฯ แล้ว นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ คาดว่า จะเสร็จสิ้นช่วงต้นเดือนตุลาคม 59 เมื่อรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นในตอนนั้นแม่น้ำทุกสายก็จะพ้นสภาพไปหมด รวมถึงสภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ ที่จะพ้นไปตั้งแต่มีการเปิดสภาครั้งแรก
“ตอนนั้นรัฐบาลใหม่ก็เกิด แม่น้ำทุกสายไปหมดแล้ว สนช. ก็คงไปได้แล้ว เพราะในช่วงที่มีการเลือก ส.ส. แล้ว ผมว่าในอีกสัก 1 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่จะเปิดสภาผู้แทนราษฎร ก็ต้องหา ส.ว. แล้ว ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้แต่งเอง ว่าตามปฏิทิน แต่ทั้งหมดหากไม่ผ่านประชามติก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่”
นั่นเป็นคำพูดของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย และที่ปรึกษาด้านกฎหมายคนสำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นการกางปฏิทินตามกำหนดระยะเวลาตามโรดแมปที่ชัดเจนเป็นครั้งแรกชนิดที่ “เห็นภาพ” มากที่สุด
อีกทั้งนี่คือ การ “ตั้งใจพูด” ของ วิษณุ เครืองาม เป็นครั้งแรก เพื่อจงใจสื่อสารไปยังสาธารณะเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาล คสช. รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อจะได้รับรู้กันว่าจะมีเวลาอยู่ในตำแหน่งอีกกี่ปีกี่เดือน
อย่างไรก็ดี ก็ต้องทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนเสียด้วยเหมือนกันว่า สิ่งที่ วิษณุ เครืองาม กางปฏิทินออกมาให้ดูนั้นมันเป็นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ รัฐธรรมนูญฉบัลใหม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เท่านั้น เพราะในตอนท้ายที่ว่าหาก “ไม่ผ่านความเห็นชอบจาก สปช. โดยเฉพาะหาก รธน. ไม่ผ่านประชามติก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ความหมายก็คือ “เรื่องยาว” นั่นเอง !!
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันเป็นพิเศษในเวลานี้ ก็คือ สาเหตุการออกมาแบบตั้งใจของ วิษณุ เครืองาม คราวนี้มีการแถลง มีการพูดผ่านทางทีวีพูลแบบ “เดินหน้าประเทศไทย” กันเลยทีเดียว เป้าหมายมีอยู่เรื่องเดียว คือ ให้สาธารณะได้รับรู้ทั่วกันว่า หากทุกอย่างไปตามเส้นทางที่ว่านั่นคือรัฐธรรมนูญผ่าน สปช. ผ่านประชามติ แม่น้ำทุกสาย รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็อยู่ในตำแหน่งแค่เดือนตุลาคมปี 2559 คือ ปลายปีหน้าเท่านั้น ก็จะได้รัฐบาลใหม่ “ได้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง” ย้ำว่าจะได้นักการเมืองกลับมาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า !!
ดังนั้น หากพิจารณากันแบบ “เกมการเมือง” ก็มองได้นั่นคืออย่างแรกการยืนยันปฏิทินแบบนี้ ก็เพื่อต้องการเบรกกระแสป่วนที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวต่อต้านการ “ต่ออายุ” แบบอยู่ยาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. โดยสังเกตการสร้างกระแสดักทางให้เห็นว่าอาจมีการส่งสัญญาณให้ สปช. คว่ำร่าง
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อแลกกับการเข้ามาเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในอนาคต เพราะถึงอย่างไรไม่ว่าจะคว่ำ หรือ รับก็ต้องพ้นสภาพไปอยู่แล้ว แต่ถ้าคว่ำก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ขณะเดียวกัน อีกด้านการที่กางวันเวลาว่าอีกไม่นานจะได้รัฐบาลใหม่ มี “นักการเมืองเข้ามา” มันก็เหมือนกับสะกิดภาพหลอนในอดีตให้กลับมาอีก
ซึ่งในเวลานี้ในสายตาชาวบ้านพวกนักการเมืองถือว่า “กระจอก” และน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี ดังนั้นเหมือนกับการส่งสัญญาณให้คิดกลายๆ ว่า หากไม่ต้องการพวกกระจอกพวกนั้นเข้ามาเร็วๆ ก็ต้องให้เวลา “ลุงตู่” อยู่ทำภารกิจปฏิรูปไปก่อนอีกระยะหนึ่งก่อนใช่หรือเปล่า เป็นการ “สะกิด” กันแบบเนียนๆกันแต่เนิ่นๆ
เอาเป็นว่าการออกมาพูดของ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายเที่ยวนี้ ย่อมมีความหมาย ต้องการสื่อสารให้สังคมเข้าใจ เหมือนกับต้อง “รีบเคลียร์” ให้เข้าใจกันล่วงหน้าเพื่อตัดเกมป่วน ขณะเดียวกัน ก็เอาคืนนักการเมืองแบบนิ่มๆ ด้วยการ “สะกิดต่อมน่ารังเกียจ” มาเล่น !!