“ประยุทธ์” ขึ้น ฮ.ลงพื้นที่ ฉะเชิงเทรา-ระยอง ก่อนเป็นประธานเปิดงานวันต้นไม้ มอบต้นกล้าผู้ว่าฯ 5 จังหวัด เผยป่าไม้ถูกทำลายกว่า 20 ปี ชี้เป็นเสรีประชาธิปไตยแก้ไม่ได้ วางแผน 5 ปีขับเคลื่อนให้ดีขึ้น ยันไม่เอาการเมืองเอี่ยวการทำงาน ย้ำจริงจังให้ชาติมั่นคง สงบ มั่งคั่ง แนะเลือกตั้งให้เลือกคนดี ขออยู่ในกรอบกฎหมาย ชี้มีประชามติควรไป
วันนี้ (10 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ หรือ พล.ม.2 เพื่อพบปะประชาชนและตรวจโครงการบริหารจัดการน้ำ พร้อมรับทราบปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดระยอง ต่อมานายกฯ ได้เป็นประธานเปิดงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2558 ภายใต้ชื่องาน “รวมพลังพลิกฟื้นผืนป่า ป่าไม้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” พร้อมทั้งมอบกล้าไม้ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง และสระแก้ว พร้อมมอบศูนย์เพราะชำกล่าวไม้ให้ชุมชนและอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียนตลอดจนเยี่ยมชมกิจการภายในงานและพบปะประชาชนประมาณ 2,000 คน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างเปิดงานว่า ป่าไม้ของไทยหายไปตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งจะต้องทำไรอย่างไรถึงจะกลับมาอีกครั้ง ป่าต่างๆ ไม่ว่าจะฝืนเล็กฝืนน้อยถือเป็นธนาคารชุมชน เป็นแหล่งอาหาร ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาป่าถูกทำลายมาตลอด สูญหายไปกว่า 26 กว่าล้านไร่ จะเห็นว่าคนที่ไม่รวยก็ไม่รวย ส่วนคนรวยก็เป็นเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น ปัญหานี้ประเทศไทยแก้ไขไม่ได้เพราะเราเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย ทั้งนี้บ้านเมืองจะตั้งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ ปี 2015-2020 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี เพื่อทำให้ประเทศมีแนวโนวไปในทางที่ดีขึ้น ประชาชนมีความสุข ช้างเริ่มกลับเข้าป่า แต่ก็มีหลายอย่างที่ยังขัดแย้ง เพราะที่ผ่านมามีการเอาใจใสน้อยเกินไป ดังนั้นรัฐบาลจึงขับเคลื่อนและแก้ไขตามระยะเวลาที่มีอยู่
นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าจะไม่เอาการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการทำงานทุกวันนี้ ตนเคยทำงานร่วมกับทุกคนมาตั้งแต่เป็นข้าราชการขั้นผู้น้อย เราจึงต้องจริงจังเพื่อประเทศชาติที่มีความสุข ประเทศชาติมีความมั่นคง เมื่อเกิดความมั่นคง สังคมก็จะสงบ ไม่เกิดการแตกแยกอีก ถือเป็นความมั่นคงแรก จากนั้นจะเกิดความมั่งคั่งตามมา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนมีอำนาจตามประชาธิปไตย มีอำนาจโดยชัดเจน เราต้องใช้อำนาจอย่างถูกต้อง เมื่อเกิดการเลือกตั้งก็ขอให้เลือกคนดี ไม่เลือกคนที่ขัดแย้ง หรือเอาเปรียบ ไม่พูดความจิง ซึ่งประชาชนคนจะทราบว่าจะใช้อำนาจอย่างไร ไม่ออกมาเดินขบวนประท้วง ทำอะไรก็ตามให้อยู่ภายใต้กรอบกฏหมาย ไม่สร้างความรุนแรงให้สังคมแตกแยก ส่วนการทำประชามติ ถือเป็นการใช้อำนาจของประชาชนต้องทำหน้าที่ เมื่อเกิดการทำประชามติ ก็ควรออกไปใช้สิทธิ