xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ขู่ 7 รัฐวิสาหกิจรายงานผลทุกเดือน ลั่นไม่ยอมให้ใครอยู่นอกศาล ฝากทุกฝ่ายขาดทุนเพื่อชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
“นายกรัฐมนตรี” แนะบทบาทรัฐวิสาหกิจต้องชัดเจน สอดคล้องนโยบาย อย่าให้ใครก้าวก่าย พยายามโปร่งใส อย่าให้รัฐรับภาระมากเกินไป สั่ง 7 รัฐวิสาหกิจเจ้าปัญหารายงานแผนฟื้นฟูขาดทุนรายเดือน หากทุจริตจะดำเนินคดี ยันเข้ามาต้องการให้สงบเรียบร้อย ลดความขัดแย้งให้ได้ ย้ำไม่ยอมให้ใครอยู่นอกกระบวนการยุติธรรม ฝากทุกฝ่ายถ้าเอาแต่ได้ เทวดาก็ทำให้ไม่ได้ ต้องยอมขาดทุนเพื่อชาติบ้าง


วันนี้ (5 มิ.ย.) ณ ห้องบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการสัมมนาเรื่อง “บทบาทและหน้าที่กรรมการรัฐวิสาหกิจ” โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ เราต้องวางรากฐานประเทศให้ได้ เพื่อไม่เกิดปัญหา เราต้องทำเพื่ออนาคต แม้ว่าตนขึ้นมาแล้วมาทำการเปลี่นแปลงอาจเกิดความพึงพอใจบ้าง ไม่พึงพอใจบ้าง แต่ไม่เปนไร ถึงคนจะเกลียดแต่ก็ไม่หวั่นไหว เพราะตั้งใจทำงานตามหน้าที่ เพื่อแผ่นดินเกิด ตลอดระยะเวลา สามสิบกว่าปีไม่เคยละเมิดใครทั้งสิ้น

สำหรับรัฐวิสาหกิจ 36 แห่ง การบริหารกิจการภาครัฐนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นเครื่องจักรที่จะขับเคลื่อนประเทศชาติ เศรษฐกิจ และต้องได้รับเอาใจใส่ดูแลปรับปรุงให้เป็นเศรษฐกิจใหม่ ที่พร้อมการแข่งขัน เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ให้ความร่ำรวยไปตกอยู่กับกลุ่มคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องกลับมาดูแลคนมีรายได้น้อยที่มีอยู่ 40% ของประเทศ บทบาทรัฐวิสาหกิจต้องมีความชัดเจน สอดคล้องกับนโยบายการบริหารประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกำหนดเป็นกรอบระยะเวลาทุก 5 ปี ที่สำคัญอย่าให้ใครเข้าไปก้าวก่ายได้ และพยายามบริหารงานรัฐวิสาหกิจให้เข้มแข็ง โปร่งใส อย่าให้เป็นภาระของรัฐบาลมากเกินไป โดยมุ่งหวังให้รัฐวิสาหกิจจัดส่งรายได้เข้ารัฐ 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจต้องช่วยกันทำให้ผลประกอบการดีขึ้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่ควรได้รับรางวัล อย่างเช่นที่มีการร้องขอขึ้นเงินเดือนจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ

ส่วนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะต้องตอบสังคมให้ได้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุน และประชาชนต้องได้รับทราบแผนการลงทุนรัฐวิสาหกิจ ต้องรู้อนาคต ส่วนการสรรหาผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ จะต้องคัดเลือกให้เหมาะสม และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน สำหรับองค์กรที่ยังสรรหาไม่แล้วเสร็จ และขอเน้นย้ำว่ารัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งต้องร่วมเป็นหนึ่งเดียว ในการสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ องค์กร และดูแลประชาชนด้วยให้เกิดความพึพอใจ

“สำหรับรัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่มีปัญหา เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย การบินไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จะต้องมีการรายงานแผนการฟื้นฟูเป็นรายเดือน และการดำเนินการจะต้องให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หากพบไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ หรือมีการทุจริต จะต้องถูกตรวจสอบ ถูกลงโทษ เข้าคุกและดำเนินคดี ขอให้ภาคเอกชน อย่าเพียงแต่บอกว่าขาดทุน เพราะแท้จริงล้วนมีทั้งขาดทุนและกำไร ซึ่งภาคเอกชนช่วยเหลือลดกำไรลงบ้าง เพื่อช่วยชาติ ที่สำคัญอยากให้ช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรด้วย” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ที่ประเทศวุ่นวาย ไม่ได้เป็นความผิดของใครคนใดคนหนึ่งเหมือนเดิม แต่ทุกคนในชาติต้องร่วมกันรับผิดชอบ เราต้องแก้ปัญหาข้อบกพร่องในอดีตเพื่อลูกหลาน เพราะแผ่นดินผืนนี้เป็นแผ่นดินของคนไทยทั้งสิ้น คนไทยวันนี้ต้องปรับปรุงจิตสำนึกเพื่อให้มีอุดมการณ์ชาติร่วมกัน ไม่เจริญแต่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว ที่ตนเข้ามาวันนี้ ทำทุกอย่าง เพื่อต้องการสร้างความเข้าใจ ไม่ได้ข่มขู่ ตนใช้ประสบการณ์ จิตสำนึก ความตั้งใจเพื่อขับเคลื่อนประเทศ

“วันนี้คนไทยถูกปลุกระดมให้ไม่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ทั้งกฎหมาย ระบอบประชาธิปไตย องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม ตำรวจ ทหาร ทุกอย่างถูกทำลายไปในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ถูกทำลายด้วยคนไม่ดี ด้วยความขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาถึงทุกวันนี้ และผมที่อยู่ร่วมกันมากับทุกรัฐบาล ขอยืนยันในเจตนารมณ์ความมั่นคงว่าต้องการให้มีความสงบเรียบร้อย แต่ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายใดทำให้ประเทศเดินหน้าได้ นอกจากกฎอัยการศึกเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลให้ผมมายืนตรงนี้ ถ้าต้องการให้เป็นประชาธิปไตย ต้องอย่าให้เกิดขึ้นอีก ต้องไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ อยู่ที่ระบบ ผู้บังคับบัญชา วันนี้ผมไม่พยายามโทษเรื่องเก่าๆ เว้นแต่เรื่องกฎหมายที่ต้องไปว่ากันมา หน้าที่ของผมคือ นำทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วไปต่อสู้กัน แต่จะไม่ยอมให้ใครคนหนึ่งอยู่นอกกระบวนการยุติธรรม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตนไม่เคยสอนใครให้ต่อต้านอำนาจบริหาร วันนี้คนไทยสนใจแต่อำนาจ จะสืบทอดอำนาจกันอีกหรือไม่ ตนมีอำนาจในเชิงบริหาร แต่ไม่ได้มีอำนาจในเชิงผลประโยชน์ เราต้องดูโลกภายนอกด้วย เราต้องลดความขัดแย้งให้ได้ โดยใช้กฎหมายให้น้อยที่สุด เพราะถ้าใช้มากจะเหมือนคนดื้อยา ถ้าจะรบกันอีกไม่มีทางแก้ให้อีกแล้ว ตนไม่ได้พูดว่าจะอยู่ต่อ หรือจะรอให้ทำอะไรให้สำเร็จ มันไม่ใช่ ทุกอย่างต้องการทำตามโรดแมป เป็นเรื่องของทุกคนให้ประเทศต้องเดินหน้า

อย่างไรก็ตาม กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวชี้ชะตาประเทศจะก้าวหน้าหรืออ่อนด้อยลง แต่ทุกคนอยู่ที่คนทั้งสิ้น ทุกคนจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครหรือรัฐบาลมายืนตรงนี้ หากเดินตามยุทธศาตร์ที่มีเจตนาที่บริสุทธิ์ ประเทศจะเจริญแน่นอน ขอให้ทุกคนให้อภัยซึ่งกันและกัน ส่วนเรื่องใหญ่ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน และกลับมาสู่สังคมอย่างปกติสุข เพราะสังคมไทยให้โอกาสคนอยู่แล้ว สุดท้ายฝากบอกประชาชนและสังคมว่า อันตรายเข้ามาให้เราแล้ว ทั้งเรื่องของความขัดแย้ง ความยากจน ภัยสงคราม และสภาพอากาศ ถ้าทุกคนเอาแต่ได้ เทวดาก็ทำให้ไม่ได้ ต้องยอมขาดทุนเพื่อชาติบ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น