เกาะกระแส
00 ไม่รู้ว่าการที่ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดจาทำร้ายตัวเองเมื่อสัปดาห์ก่อน มีสาเหตุจากเรื่องใดกันแน่ จะเป็นเพราะนิสัย"ปากมาก" สำคัญตัวเองผิด เป็นสันดานที่ชอบโทษคนอื่นอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่เคยมองความผิดความบกพร่องของตัวเอง หรือว่ากังวลหลายเรื่องที่รุมเร้า จนเกิดความกลัว"สติแตก" เก็บอาการไม่อยู่ แต่จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม คำพูดที่พูดออกมานั้นเหมือนกับใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ตัวเอง ทำร้ายตัวเอง แบบที่ไม่น่าให้อภัยกันเลยทีเดียว
00 สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร รู้ว่าตัวเองทำผิด แต่ไม่เคยยอมรับ มัวแต่โทษคนอื่น อย่างกรณีที่ศาลรธน.สั่งยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ก็ล้วนมีเหตุผลอธิบายเอาไว้อย่างละเอียด ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องยึดทรัพย์มาจากความผิดจากสาเหตุใดบ้าง มีการฉ้อฉล มาจากนโยบายแบบผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรบ้าง สรุปก็คือ ทุกเรื่องมีที่มาที่ไปทั้งหมด เพียงแต่ว่านี่คือ ทักษิณ ที่ไม่เคยยอมรับ อย่างกรณีล่าสุดที่ "กล่าวจาบจ้วงสถาบันฯ" โดยกระทบชิ่งไปทาง "องคมนตรี" และกองทัพ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เขามักจะพูดกล่าวหาทำลายแบบนี้ หากจำกันได้ เมื่อย้อนหลังไปในช่วงปี 49-50 หลังจากเกิดการรัฐประหารของ คมช. เขาก็กล่าวหาแบบนี้และ "หนักกว่า" นี้อีก โดยคราวนั้นให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ "จาบจ้วง" ชัดเจน เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามักไม่มีการดำเนินการจริงจัง จนทำให้เขาได้ใจ "ทำตัวอยู่เหนือกม." มาตลอด และยังเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในบ้านเมืองมาตลอด10 ปีนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ผู้รักษากฎหมาย กลับไม่ทำหน้าที่ให้ตรงไปตรงมา กลับไปเข้าด้วยช่วยเหลือ ทำตัวเป็น"ขี้ข้า" เพื่อแลกกับตำแหน่งแห่งที่ มันก็เลยทำให้ชาวบ้านที่เขาเฝ้ามองอยู่ทนไม่ไหว ต้องออกมาขับไล่ เหมือนดังที่ "เหลืออด" กับการ"ออกกฎหมายล้างความผิดให้คนโกง" นั่นแหละ
00 คำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร หากมองอีกด้านหนึ่ง ที่บอกว่าสติแตก อาจมองว่าเขากำลังควบคุมอะไรไม่ได้ ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐประหารโดย คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา และนี่ก็เป็นไปตามที่เขาเคยกังวลมาตลอดว่า พล.อ.ประยุทธ์ นี่แหละคือคนที่เขากังวลมาตลอด มีการดำเนินการตามกม.ที่เข้มงวดกับผู้กระทำผิด ซึ่งก็คือเครือข่ายของ ทักษิณ ทั้งสิ้น ทั้งพวกคนเสื้อแดง ที่ติดอาวุธ เสื้อแดง-นักวิชาการล้มเจ้า การดำเนินคดีอาญา และถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของเขา ที่เขาเป็นคน"ผลักดัน" เข้ามาเป็น "หุ่นเชิด" รักษาอำนาจ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นความผิดชัดเจน สร้างความเสียหายกับงบประมาณของบ้านเมือง กว่า 7 แสนล้านบาท ทำให้คนไทยต้องชดใช้หนี้กันชั่วลูกชั่วหลาน ทุกอย่างเป็นความผิดที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังมาตั้งนานแล้ว
00 เวลานี้ สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร กำลังจะต้องเจอตามมาเป็นชุดใหญ่ นั่นคือ หลังจากมีการเพิกถอนหนังสือเดินทางแล้ว นั่นก็เป็นการ "หมดสภาพ" ไปแล้ว การที่ กองทัพบกโดย ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ดำเนินคดีในข้อหาทำลายความมั่นคง ทำลายกองทัพ รวมทั้งจะมีการดำเนินคดีอาญา ม.112 แค่นี้ก็ถือว่าสาหัส และปิดทางกลับประเทศแบบ "เท่ๆ" อย่างที่เคยโม้เอาไว้ก่อนหน้านี้ ต่อไปก็ต้องกลายเป็น "สัมภเวสี" ไปจนตาย อ้อ เกือบลืมไป การเดินเครื่องถอดยศ เรียกคืนเครื่องราชย์ฯ นี่คือสัญญาณลบต่อเขา จากฝ่ายตำรวจที่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว !!
00 คำพูดของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล สมเป็นขี้ข้า ที่ทำหน้าที่ได้สมฐานะ ที่บอกว่าหากกลับมามีอำนาจก็จะ "คืนหนังสือเดินทาง" ให้อีก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นั่นเป็นเรื่องในอนาคตจะเกิดขึ้นได้หรือเปล่า แต่เวลานี้ก็เตรียมรับกรรมที่เคยทำเอาไว้ เป็นผลจากการกระทำความผิดที่เคยโร่ไปคืนหนังสือเดินทางให้ถึงมือ กำลังถูก ป.ป.ช.ดำเนินคดีในความผิด เรียกว่า "กรรม" กำลังตามมาเป็นพรวน !!