โดย...อภินันท์ สิริรัตนจิตต์
ตำแหน่งสมาชิกประเทศไทย (สปท.)
ได้ติดตามข่าวบุคคลและกลุ่มบุคคลในหลายแวดวง ทั้งสีกากี แวดวงการเมือง และนักวิชาการ ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นกาสิโนในเมืองไทยอยู่พักใหญ่ ขอเขียนอะไรสักหน่อย 10 ข้อคงพอเพราะพูด-เขียนกันมากแล้ว....ทั้งข้อดี ข้อเสีย ผลประโยชน์ เสียผลประโยชน์ และจิปาถะ
1. น่าเศร้าใจมาก ทุกครั้งที่ดูหนังหรือข่าวต่างๆ ในโทรทัศน์ ซึ่งมีเหตุการณ์เกี่ยวกับการพนัน มักมีเขียนตัวหนังสือกำกับไว้ว่า “การพนัน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย” แต่วันนี้มีบางคนและบางกลุ่มมีเจตนาส่อชี้นำรัฐให้ไปทำการพนัน ว่า ไม่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ได้ เพราะอ้างไปว่า รัฐยอมเป็นเจ้ามือ
2. น่าเศร้าใจมากที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย รมต. กำกับเงินทอง และ สปช.กลุ่มหนึ่งสนับสนุนให้เปิดกาสิโนอย่างเต็มแรงดัน โดยอ้างว่า เป็นโอกาสสร้างเศรษฐกิจที่งดงามทางหนึ่ง เพราะพวกเขาคิดเพียงแค่ว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดี ปัญหาอื่นก็คงหมดไป ใช้วิธีคิดแค่แง่มุมเดียวแล้วบอกว่า จะช่วยแก้ปัญหายกโขยง ทั้งๆ ที่การบริหารประเทศ ก็มีหลายกระทรวงชี้งานให้เห็นอยู่ทนโท่ว่า ต้องช่วยกันทำงานอย่างมีความสัมพันธ์ต่อกัน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง
3. น่าเศร้าใจมากที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย เปิดเผยข้อมูลโจ่งแจ้งว่า มีกาสิโน และบ่อนรายรอบประเทศของเรา ซึ่งทำให้เงินทองรั่วไหลออกไปนอกประเทศ แต่ในประเทศซึ่งมีบัญชีบ่อนต่างๆ ที่อยู่ในมือของท่าน รอให้ดำเนินการตามกฎหมายอีกมากโข แต่ยังไม่บังคับใช้กฎหมายให้ได้ตามที่ควรจะเป็น
4. น่าเศร้าใจมากที่ รมต.กำกับเงินทอง กล่าวว่า การพนันไม่ผิดศีล 5 ไม่มีศีลข้อไหนห้ามไว้ ทั้งๆ ที่ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม ไม่ได้ส่งเสริมให้เล่นการพนันเลย ท่านจะกล่าวอ้างศีล 5 อย่างเดียวไม่ได้ เพราะหากอ้างหลักศาสนาพุทธ ต้องรู้ว่า ศีล 5 ต้องคู่กับธรรม 5 ซึ่งหนึ่งในนั้น กล่าวว่า ต้องมีการทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่ใช่การหาเลี้ยงชีวิตด้วยการพนัน อบายมุข
5. น่าเศร้าใจมากที่ สปช.กลุ่มหนึ่งยืนยันขันแข็งหัวชนฝาบอกว่า ต้องเสนอให้รัฐพิจารณาเปิดบ่อนกาสิโนให้ได้ เพราะเห็นว่า จะได้นำเงินจากกลุ่มลูกค้า คือคนรวย มาใช้ในการพัฒนาประเทศ แต่ไม่ได้คิดถึงปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งการฟอกเงิน อาชญากรรม การติดพนัน สิ่งเสพติด การมอมเมาและทำลายวิธีคิดของประชากรให้หมกมุ่นอยู่กับอบายมุขนั้น โดยอ้างว่า นี่เป็นนิสัยของคนไทย ซึ่งน่าแปลกใจอยู่ทั้งที่รู้ว่า นิสัยการพนันเป็นนิสัยและค่านิยมลบ แทนที่จะช่วยแก้ไขให้กลายเป็นนิสัยและค่านิยมที่ดี แต่กลับส่งเสริมและหาผลประโยชน์จากนิสัยที่เป็นลบอันนั้น
6. น่าเศร้าใจที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย รมต. กำกับเงินทอง และ สปช.กลุ่มหนึ่ง สนับสนุนให้เปิดกาสิโน กล่าวว่า โพลสองสามสำนักที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนกาสิโนนั้น เป็นเพียงโพลที่เชื่อถือไม่ได้ ไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งประเทศ ไม่เชื่อมั่นในวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างในการทำโพล นั่นเท่ากับว่า เขาได้ดูแคลนวิธีการวิจัย การสำรวจ อันเป็นวิธีการหาความรู้และข้อมูลของหน่วยงานทำโพล เพราะเหตุว่า ไม่เป็นไปตามความคิดเห็นของเขา ทั้งๆ ที่บางครั้ง เขายังใช้ประโยชน์จากโพลเหล่านั้น ในสิ่งที่เข้าข้างตัวเอง
7. น่าเศร้าใจที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย รมต. กำกับเงินทอง และ สปช.กลุ่มหนึ่ง สนับสนุนให้เปิดกาสิโน ทั้งที่รู้อยู่ว่า อบายมุขอันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความฉิบหาย ทั้งที่มีบทพิสูจน์ในข่าวต่างๆ ของผู้ติดการพนัน และประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนบางชาติในอดีต ที่มอมเมาประชาชนด้วยการพนันจนถึงขั้นสูญเสียแผ่นดิน
8. น่าเศร้าใจที่บางคนและบางกลุ่มยังมองว่า เศรษฐกิจที่ร่ำรวยเป็นความสำเร็จ และเป็นความสุขของคนในชาติ โดยไม่สนใจว่า เงินทองเหล่านั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม
9. น่าเศร้าใจที่การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ของผู้รักษากฎหมาย เพื่อป้องกัน ปราบปราบเหตุเภทภัยอาชญากรรมต่างๆ ที่มีอยู่มาก เพื่อปกป้องประชาชนให้เป็นอยู่อย่างอุ่นใจ ไร้กังวลในความปลอดภัย ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังจะเสนอความพิการซ้ำซ้อนในระบบสังคมให้วุ่นวายเข้าไปซ้ำ โดยไปดูประเทศเพื่อนบ้านบางชาติที่มีบ่อนกาสิโนเพียงมุมเดียว
10. น่าเศร้าใจว่าผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ใหญ่ๆ โตๆ ในประเทศ มองว่า เรื่องเงินทอง เป็นเรื่องสำคัญเสียกว่าการผดุงรักษาค่านิยมที่ดี ระบบกฎหมาย ระบบระเบียบธรรมเนียม ศีลธรรมจรรยา ประเพณีปฏิบัติต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งช่วยร้อยรัดให้สังคม การเมือง เศรษฐกิจ และชาติ เป็นอยู่ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างแท้จริง
ท้ายนี้ ฝากความคิดเห็นนี้ไว้แลกเปลี่ยนประกอบกับความคิดเห็นอื่นๆ ด้วยครับ
ตำแหน่งสมาชิกประเทศไทย (สปท.)
ได้ติดตามข่าวบุคคลและกลุ่มบุคคลในหลายแวดวง ทั้งสีกากี แวดวงการเมือง และนักวิชาการ ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นกาสิโนในเมืองไทยอยู่พักใหญ่ ขอเขียนอะไรสักหน่อย 10 ข้อคงพอเพราะพูด-เขียนกันมากแล้ว....ทั้งข้อดี ข้อเสีย ผลประโยชน์ เสียผลประโยชน์ และจิปาถะ
1. น่าเศร้าใจมาก ทุกครั้งที่ดูหนังหรือข่าวต่างๆ ในโทรทัศน์ ซึ่งมีเหตุการณ์เกี่ยวกับการพนัน มักมีเขียนตัวหนังสือกำกับไว้ว่า “การพนัน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย” แต่วันนี้มีบางคนและบางกลุ่มมีเจตนาส่อชี้นำรัฐให้ไปทำการพนัน ว่า ไม่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ได้ เพราะอ้างไปว่า รัฐยอมเป็นเจ้ามือ
2. น่าเศร้าใจมากที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย รมต. กำกับเงินทอง และ สปช.กลุ่มหนึ่งสนับสนุนให้เปิดกาสิโนอย่างเต็มแรงดัน โดยอ้างว่า เป็นโอกาสสร้างเศรษฐกิจที่งดงามทางหนึ่ง เพราะพวกเขาคิดเพียงแค่ว่า แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดี ปัญหาอื่นก็คงหมดไป ใช้วิธีคิดแค่แง่มุมเดียวแล้วบอกว่า จะช่วยแก้ปัญหายกโขยง ทั้งๆ ที่การบริหารประเทศ ก็มีหลายกระทรวงชี้งานให้เห็นอยู่ทนโท่ว่า ต้องช่วยกันทำงานอย่างมีความสัมพันธ์ต่อกัน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง
3. น่าเศร้าใจมากที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย เปิดเผยข้อมูลโจ่งแจ้งว่า มีกาสิโน และบ่อนรายรอบประเทศของเรา ซึ่งทำให้เงินทองรั่วไหลออกไปนอกประเทศ แต่ในประเทศซึ่งมีบัญชีบ่อนต่างๆ ที่อยู่ในมือของท่าน รอให้ดำเนินการตามกฎหมายอีกมากโข แต่ยังไม่บังคับใช้กฎหมายให้ได้ตามที่ควรจะเป็น
4. น่าเศร้าใจมากที่ รมต.กำกับเงินทอง กล่าวว่า การพนันไม่ผิดศีล 5 ไม่มีศีลข้อไหนห้ามไว้ ทั้งๆ ที่ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม ไม่ได้ส่งเสริมให้เล่นการพนันเลย ท่านจะกล่าวอ้างศีล 5 อย่างเดียวไม่ได้ เพราะหากอ้างหลักศาสนาพุทธ ต้องรู้ว่า ศีล 5 ต้องคู่กับธรรม 5 ซึ่งหนึ่งในนั้น กล่าวว่า ต้องมีการทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่ใช่การหาเลี้ยงชีวิตด้วยการพนัน อบายมุข
5. น่าเศร้าใจมากที่ สปช.กลุ่มหนึ่งยืนยันขันแข็งหัวชนฝาบอกว่า ต้องเสนอให้รัฐพิจารณาเปิดบ่อนกาสิโนให้ได้ เพราะเห็นว่า จะได้นำเงินจากกลุ่มลูกค้า คือคนรวย มาใช้ในการพัฒนาประเทศ แต่ไม่ได้คิดถึงปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งการฟอกเงิน อาชญากรรม การติดพนัน สิ่งเสพติด การมอมเมาและทำลายวิธีคิดของประชากรให้หมกมุ่นอยู่กับอบายมุขนั้น โดยอ้างว่า นี่เป็นนิสัยของคนไทย ซึ่งน่าแปลกใจอยู่ทั้งที่รู้ว่า นิสัยการพนันเป็นนิสัยและค่านิยมลบ แทนที่จะช่วยแก้ไขให้กลายเป็นนิสัยและค่านิยมที่ดี แต่กลับส่งเสริมและหาผลประโยชน์จากนิสัยที่เป็นลบอันนั้น
6. น่าเศร้าใจที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย รมต. กำกับเงินทอง และ สปช.กลุ่มหนึ่ง สนับสนุนให้เปิดกาสิโน กล่าวว่า โพลสองสามสำนักที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนกาสิโนนั้น เป็นเพียงโพลที่เชื่อถือไม่ได้ ไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งประเทศ ไม่เชื่อมั่นในวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างในการทำโพล นั่นเท่ากับว่า เขาได้ดูแคลนวิธีการวิจัย การสำรวจ อันเป็นวิธีการหาความรู้และข้อมูลของหน่วยงานทำโพล เพราะเหตุว่า ไม่เป็นไปตามความคิดเห็นของเขา ทั้งๆ ที่บางครั้ง เขายังใช้ประโยชน์จากโพลเหล่านั้น ในสิ่งที่เข้าข้างตัวเอง
7. น่าเศร้าใจที่หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย รมต. กำกับเงินทอง และ สปช.กลุ่มหนึ่ง สนับสนุนให้เปิดกาสิโน ทั้งที่รู้อยู่ว่า อบายมุขอันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความฉิบหาย ทั้งที่มีบทพิสูจน์ในข่าวต่างๆ ของผู้ติดการพนัน และประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนบางชาติในอดีต ที่มอมเมาประชาชนด้วยการพนันจนถึงขั้นสูญเสียแผ่นดิน
8. น่าเศร้าใจที่บางคนและบางกลุ่มยังมองว่า เศรษฐกิจที่ร่ำรวยเป็นความสำเร็จ และเป็นความสุขของคนในชาติ โดยไม่สนใจว่า เงินทองเหล่านั้นจะได้มาโดยวิธีใดก็ตาม
9. น่าเศร้าใจที่การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ของผู้รักษากฎหมาย เพื่อป้องกัน ปราบปราบเหตุเภทภัยอาชญากรรมต่างๆ ที่มีอยู่มาก เพื่อปกป้องประชาชนให้เป็นอยู่อย่างอุ่นใจ ไร้กังวลในความปลอดภัย ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังจะเสนอความพิการซ้ำซ้อนในระบบสังคมให้วุ่นวายเข้าไปซ้ำ โดยไปดูประเทศเพื่อนบ้านบางชาติที่มีบ่อนกาสิโนเพียงมุมเดียว
10. น่าเศร้าใจว่าผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ใหญ่ๆ โตๆ ในประเทศ มองว่า เรื่องเงินทอง เป็นเรื่องสำคัญเสียกว่าการผดุงรักษาค่านิยมที่ดี ระบบกฎหมาย ระบบระเบียบธรรมเนียม ศีลธรรมจรรยา ประเพณีปฏิบัติต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งช่วยร้อยรัดให้สังคม การเมือง เศรษฐกิจ และชาติ เป็นอยู่ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อย่างแท้จริง
ท้ายนี้ ฝากความคิดเห็นนี้ไว้แลกเปลี่ยนประกอบกับความคิดเห็นอื่นๆ ด้วยครับ