“วิษณุ” ประชุมเคาะเกณฑ์เยียวยาผู้ชุมนุม กปปส. ตายจ่าย 4 แสน ใช้กฎหมาย 4 ฉบับ บวกหลักเกณฑ์เยียวยาเหยื่อใต้เป็นตัวตั้งกันซ้ำรอยจ่ายแก๊งแดง 7 ล้านจนถูก ป.ป.ช.เล่นงาน คาดใช้วงเงินหลักร้อนล้าน ชง ครม.สัปดาห์หน้า ส่วนผู้เสียหายจากการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2547-2553 รอ ป.ป.ช.วินิจฉัยก่อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเยียวยาด้านตัวเงินแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองระหว่างปี 2547-2553 และระหว่างปี 2556-2557 โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายวิษณุกล่าวว่า ตอนแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลระบุว่าจะพยายามสร้างความสามัคคีปรองดอง และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมการต่างๆ ดังนั้นจึงต้องมีการเยียวยาคนเหล่านี้ โดยการเยียวยาจะแยกเป็น 2 ช่วงเวลา แต่จำเป็นต้องนำช่วงเวลาระหว่างปี 2556-2557 ขึ้นมาพิจารณาก่อนเพราะปลอดภัยกว่า ไม่เหมือนช่วงระหว่างปี 2547-2553 ที่การพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งอาจไม่เหมาะสมและไม่ปลอดภัยนัก เนื่องจากมีคำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ระบุว่าการจ่ายเงินเยียวยาในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอัตราที่สูงเกินไป ไม่มีกฎหมายรองรับ และไม่สามารถดำเนินการจ่ายได้ ชี้ว่านายกฯ และครม.ขณะนั้นมีความผิด ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จะไปพิจารณาเพื่อทำผิดซ้ำอีกคงไม่ถูก ต้องหยุดเอาไว้ก่อนเพื่อรอให้มีความชัดเจนจาก ป.ป.ช.ก่อน
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมช่วงระหว่างปี 2556-2557 ได้นำบทเรียนจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 2 และคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.ได้วางหลักเอาไว้มาพิจารณา และเอาหลักเกณฑ์และกฎหมายที่มีมาเป็นฐานรองรับ ประกอบด้วย กฎหมาย 4 ฉบับ และ 1 หลักเกณฑ์คือ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 และ พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2543 รวมทั้งหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการจ่ายมาแล้วมาเป็นตัวตั้ง ไม่ใช้มโน หรือจินตนาการไปว่าเอาไปเลย 7 ล้านบาท
สำหรับหลักเกณฑ์ครั้งนี้ ในกรณีเสียชีวิตจะจ่ายเงินเยียวยาให้ 4 แสนบาท กรณีเสียชีวิตและมีบุตรต้องมีการสงเคราะห์บุตรด้วย กรณีได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือทรัพย์สินได้รับความเสียหายเหล่านี้ต้องได้รับการเยียวยาเช่นกัน คาดว่าจะใช้วงเงินอยู่ที่หลักร้อยล้านบาท ซึ่งเตรียมจะเสนอให้ ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า