ผ่าประเด็นร้อน
ไม่รู้ว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย แต่รู้สึกกระอักกระอ่วนพิกล กับข่าวล่าสุดว่าจะมีการพิจารณาฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งถ้าพิจารณาคร่าวๆ จากรายชื่อผู้กระทำความผิดและถูกฟ้องอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว ก็มีชื่อของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนพื้นเอาไว้ก่อน
แม้ว่านาทีนี้ยังไม่มีการยืนยันตัวเลขความเสียหายออกมาอย่างเป็นทางการสักที แต่ก่อนหน้านี้ ก็มีรายงานออกมาจากกระทรวงพาณิชย์ประเมินออกมาบ้างแล้วว่าเสียหายไม่ต่ำว่า 7 แสนล้านบาท ก็คงต้องยึดถือเอาตัวเลขแบบนี้ไปก่อน
ส่วนสัญญาณที่ออกมาล่าสุดว่าจะมีการยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายนั้น มาจาก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย วิษณุ เครืองาม แต่ก็ยังไม่ให้รายละเอียดใดๆ ออกมามากไปกว่านี้ แต่ความหมายก็คือจะต้องมีรายการฟ้องตามมาแน่
เพราะในช่วงเวลาเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ก็ได้มีการแย้มออกมาให้เห็นเช่นเดียวกันว่าจะมีการออกพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่าสองล้านล้านบาท เพื่อมาใช้หนี้ประเทศ หากปล่อยเอาไว้นานไปกว่านี้จะกลายเป็นภาระด้านงบประมาณ ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นที่ถึงเวลาชำระกันแล้ว จะปะทุกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตหากไม่รีบจัดการเสียตั้งแต่ตอนนี้
แน่นอนว่า จำนวนหนี้สินที่ว่ารวมอยู่ในจำนวนสองล้านล้านบาทนั้น จะต้องเป็นหนี้จากโครงการรับจำนำข้าวที่มีไม่น้อยกว่า 7 แสนล้านบาท ที่เหลือก็เป็นพวกหนี้ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หนี้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย สารพัด
แต่หากพิจารณากันเฉพาะหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว ก็ถือว่ามหาศาล และต้องชดใช้กันจนถึงลูกหลาน ต้องมารับภาระกับโครงการห่วยๆ ของพวกนักการเมืองกังฉิน บางพวกบางครอบครัว
ดังนั้น การที่มีการขยับฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากนักการเมืองพวกนี้ ก็ต้องถือว่าสมควรทำแล้ว และต้องทำให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมจัดการ ขณะเดียวกัน แน่นอนว่าเป้าหมายก็ต้องพุ่งไปที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก เท่าที่เห็นชัดก็ต้องมีชื่อของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ อยู่ในลำดับต้นๆ อยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันอีกแบบ ก็ต้องบอกว่านี่คือกรรมอีกชุดใหญ่ที่กำลังไล่ล่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเธอที่ทำไว้กับบ้านเมือง มันก็ถึงคราวที่ต้องเช็กบิลอย่างสาสม และจะด้วยรู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้พี่ชายของเธอ คือ ทักษิณ ชินวัตร ต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกากันอีกรอบ อาศัยจังหวะในช่วงที่ครบรอบ 1 ปี ที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เข้ามา เพียงแต่ว่าคราวนี้ผิดคาดไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ กลับมาตามที่ต้องการ ถือว่าผิดคาด เพราะยิ่งมาก็ยิ่งแผ่วเบา อีกทั้งการพุ่งเป้าโจมตีไปที่ “องคมนตรี” มีเป้าหมายกระทบชิ่งไปที่สถาบันเบื้องสูงก็ยิ่งสร้างความชิงชังมากขึ้นจากสังคม ทุกอย่างกลายเป็นลบดำดิ่งลงไปอีก
ขณะที่ท่าทีของฝ่ายอำนาจในปัจจุบันอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช. ถึงกับมั่นใจ และกล่าวว่า “ยังไงผมก็ชนะอยู่แล้ว” เพราะเมื่อพิจารณาจากปรากฏการณ์ที่เป็นอยู่ มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ และที่น่าจับตาก็คือทุกอย่างกำลังเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมชี้ขาด ซึ่งคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ไม่รู้สึกยินยอม และต้องโจมตีว่า “ไม่ยุติธรรม” เหมือนกับที่เขาแสดงท่าทีออกมาจากแดนไกลห่วงใยน้องสาวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีรับจำนำข้าว แต่สำหรับคนทั่วไทยกลับมองว่านี่คือ “กรรม” ชุดใหญ่ที่ไล่หลังมาติดๆ
ใช่แล้ว เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครหนีพ้น !!