xs
xsm
sm
md
lg

“ประวิตร” เยือน “อินโดนีเซีย-สิงคโปร์” กระชับสัมพันธ์ทางทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม (ภาพจากแฟ้ม)
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ยืนยันความสัมพันธ์ทางการทหาร ก่อนหน้านี้ เยือนอินโดนีเซีย ลงนามความตกลงด้านการป้องกันประเทศ พร้อมร่วมแก้ปัญหาชาวโรฮีนจา และการทำประมงผิดกฎหมาย

วันนี้ (22 พ.ค.) พ.อ.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงค์โปร์อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ โดยได้เข้าเยี่ยมและหารือกับ นาย อึ้ง เอง เฮน (Ng Eng Hen) รมว.กลาโหมสิงคโปร์ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะยกระดับความร่วมมือทางทหารของทั้งสองประเทศ ทั้งด้านการฝึก ศึกษา และด้านอื่นๆ พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความมั่นคงของภูมิภาคร่วมกัน ทั้งเรื่องความร่วมมือการลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความปลอดภัยเส้นทางคมนาคมทางทะเลของภูมิภาค ความร่วมมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อลดความรุนแรงในภูมิภาค

พล.อ.ประวิตร ได้ชื่นชมบทบาทของกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ในภูมิภาคต่อความริเริ่มในเรื่องต่างๆ เช่นการตั้งศูนย์ประสานข้อมูลเพื่อความมั่นคงทางทะเล เป็นต้น พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ที่ได้จัดอากาศยานมาช่วยเหลือการแก้ปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือของไทยที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้แจ้งถึงความคืบหน้าของการดำเนินการตามโรดแมปของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในปัจจุบัน

ในการนี้ รมว.กลาโหมสิงคโปร์ ได้กล่าวยืนยันถึงความสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศที่มีมายาวนาน และเห็นด้วยที่จะยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารของทั้งสองประเทศ และขอบคุณที่กระทรวงกลาโหมของไทย ให้การสนับสนุนการฝึกของกองทัพสิงคโปร์มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้เชิญ พล.อ.ประวิตร เข้าร่วมประชุมแชงกรี-ลา ครั้งที่ 14 ที่สิงคโปร์จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่าง 29 - 31 พ.ค.

ซึ่งในการประชุมปี 57 ที่ผ่านมา รมว.กลาโหมสิงคโปร์ ได้ใช้โอกาสนี้สร้างความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญเพื่อความมั่นคง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความพยายามและความอดทนของประชาชนภายในประเทศ ทุกประเทศควรให้การช่วยเหลือและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน เพื่อความมั่นคงของประเทศไทย และจะเป็นส่วนสำคัญของความมั่นคงของภูมิภาค จึงขอเป็นกำลังใจให้กับการบริหารงานของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน

หลังจากนั้น ได้เยี่ยมคำนับ นายลี เซียน ลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.ประวิตร ได้ยืนยันถึงความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศที่มีมาครบ 50 ปี ในปี 2558 และพัฒนาการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้เรียนให้ทราบถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนบริหารประเทศของรัฐบาล และ คสช. ตามโรดแมปที่ผ่านมา

โดย นายลี ได้กล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ยาวนานของทั้งสองประเทศ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาประเทศ และความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศอย่างมาก สิงคโปร์ได้ติดตามสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงภายในของประเทศไทยมาโดยตลอด ด้วยความเป็นห่วงฉันท์มิตร โดยไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทุกประเทศต่างมีประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โครงสร้างทางสังคมและประชาชนที่มีทัศนคติแตกต่างกัน จึงมีความจำเป็นต้องพยายามให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ สิงคโปร์ก็เช่นกัน ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ และหวังว่าประเทศไทยคงจะมีพัฒนาการในรูปแบบการปกครองที่เหมาะสมกับสภาพทางสังคมไทย และมีทางออกสำหรับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยความร่วมมือกันของทุกคนในชาติที่ยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ขอเป็นกำลังใจให้กับความตั้งใจจริงของรัฐบาลปัจจุบัน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. พล.อ.ประวิตร พร้อมปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะ เดินทางเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซีย อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย โดยได้เยี่ยมคำนับและได้หารือกับ พล.อ.ไรอามิซาร์ด ไรอาซูดู (Ryamizard Ryacudu) รมว.กลาโหมอินโดนีเซีย และคณะ ถึงความร่วมมือทางทหารและความมั่นคงร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะยกระดับความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศ ให้มีความแนบแน่นและเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ ได้ลงนามความตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ โดยมีขอบเขตครอบคลุมในเรื่องต่างๆ ประกอบด้วย 1. การจัดการหารือร่วมกันในระดับยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันประเทศและด้านการทหาร 2. การแลกเปลี่ยนข่าวสารด้านการป้องกันประเทศ 3. การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน 4. การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเหล่าทัพ 5. ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 6. ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล และ 7. ความร่วมมือด้านอื่นๆ

นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้หารือถึงความร่วมมือที่กระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศจะร่วมกันสนับสนุนผลักดันการแก้ปัญหาที่สำคัญ ใน 2 เรื่อง คือ การโยกย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮีนจา โดยหารือร่วมกันถึงการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม พร้อมทั้งได้เชิญอินโดนีเซียเข้าร่วมหารือการแก้ปัญหา ที่ไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใน 29 พ.ค. นี้ และปัญหาการทำประมงผิดกฏหมาย รัฐบาลไทยกำลังเร่งดำเนินการแก้ปัญหาให้ถูกต้องตามกฎหมายสากล ทั้งเรื่องการรายงาน การจดทะเบียนและการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือประมงไทยที่ทำผิดกฎหมายในน่านน้ำอินโดนีเซีย และมีแรงงานไทยถูกจับกุมอยู่ปัจจุบัน

โดยประเทศไทยประสงค์ที่จะช่วยเหลือลูกเรือประมงไทยที่ติดค้างให้สามารถกลับไทยได้ทั้งหมด จึงขอให้กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ช่วยประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผลักดันการแก้ปัญหา โดยตั้งเป็นคณะกรรมการร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่ง รมว.กลาโหมอินโดนีเซีย รับที่จะไปประสานหารือกับส่วนราชการภายในอินโดนีเซียเพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ติดค้างให้สามารถกลับประเทศไทยได้ทั้งหมด โดยในตอนท้าย ได้กล่าวขอบคุณอินโดนีเซียที่เข้าใจและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ในการแก้ปัญหาภายในของประเทศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น