มีผลแล้ว! ย้าย “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” อดีตเด็กแม้ว พ้นทูตวานูอาตูไปนั่งซามัวควบนิวซีแลนด์

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” เป็นเอกอัครราชทูตรัฐเอกราชซามัว ควบนิวซีแลนด์ “จิระชัย ปั้นกระษิณ” เป็นเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิจิ-สาธารณรัฐวานูอาตู ควบเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มประจําเครือรัฐออสเตรเลีย “ดุสิต เมนะพันธุ์” เป็นกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ญี่ปุ่น ตามลำดับ

วันนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอํานาจเต็มประจํานิวซีแลนด์ ให้ดํารงตําแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มประจํารัฐเอกราชซามัวอีกตําแหน่งหนึ่ง สืบแทนนายนภดล เทพพิทักษ์ โดยมีถิ่นพํานัก ณ กรุงเวลลิงตัน พระราชสาส์นตราตั้ง ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2558

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แแต่งตั้ง นายจิระชัย ปั้นกระษิณ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มประจําเครือรัฐออสเตรเลีย ให้ดํารงตําแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มประจําสาธารณรัฐฟิจิอีกตําแหน่งหนึ่ง สืบแทนนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ โดยมีถิ่นพํานัก ณ กรุงแคนเบอร์รา (ออสเตรเลีย) พระราชสาส์นตราตั้ง ลงวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2558

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แแต่งตั้ง นายจิระชัย ปั้นกระษิณ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มประจําเครือรัฐออสเตรเลีย ให้ดํารงตําแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอํานาจเต็มประจําสาธารณรัฐวานูอาตูอีกตําแหน่งหนึ่ง สืบแทนนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ โดยมีถิ่นพํานัก ณ กรุงแคนเบอร์รา พระราชสาส์นตราตั้ง ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2558

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายดุสิต เมนะพันธุ์ รองอธิบดีกรมอาเซียน ให้ดํารงตําแหน่ง กงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ญี่ปุ่น สัญญาบัตรตราตั้ง ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2558

ประกาศ ณ วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

มีรายงานว่า ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แต่งตั้งนายมาริษให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฯ สาธารณรัฐวานูอาตู ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่งตั้งนายจิระชัยมาแทน โดยก่อนหน้านี้ นายมาริษเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย, เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิจิ และเอกอัครราชทูตกรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ทั้งนี้ นายมาริษ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

ขณะที่นายมาริษถูกกล่าวหาจากสังคมออนไลน์ว่า ในฐานะที่เป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอํานาจเต็มประจํานิวซีแลนด์ เป็นผู้ดำเนินการให้ยูเอ็นเอสซีอาร์ ให้ที่พักพิงกับนายเอกภพ เหลือรา หรือ ‘ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาหลบหนีกระทำความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งได้หลบหนีออกจากประเทศไทย ไปยังประเทศนิวซีแลนด์ แต่ต่อมาทางการนิวซีแลนด์ก็ปฏิเสธทั้งหมด

ข้อมูลเดิมจากกรมอเมริกาใต้และแปซิฟิกใต้ กระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า สาธารณรัฐวานูอาตู เป็นแหล่งประมงและแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ ผู้นำระดับสูงเยือนไทยบ่อยครั้ง และให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับไทย มูลค่าการค้ารวม(2552) 116.28 ล้าน USD ลดลงร้อยละ 75.17 ไทยส่งออก 5.92 ล้าน USD (รถยนต์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป หม้อแบตเตอรี่และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก อาหารสัตว์เลี้ยง)

ไทยนำเข้า 110.37 ล้าน USD (สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป เนื้อสัตว์สำหรับบริโภค สัตว์มีชีวิตที่ไม่ได้ทำพันธุ์) ไทยขาดดุลการค้า 104.45 ล้าน USD คนไทยในวานูอาตู ปัจจุบันมีคนไทยประมาณ 17 คน อาศัยอยู่ในวานูอาตู โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพนวดแผนไทยในกรุงพอร์ต์วิลลา

ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2525 มีมติให้ความเห็นชอบในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐวานูอาตูและการแลกเปลี่ยนเอกอัครราชทูตระหว่างกัน โดยให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เป็นเอกอัครราชทูตประจำสาธารณรัฐวานูอาตู อีกตำแหน่งหนึ่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

ขณะที่เว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ เคยเผยแพร่ข่าวกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวพันกับประเทศ เช่น ปาปัวนิวกินี, หมู่เกาะโซโลมอน, วานูอาตู และฟิจิ จากดิออสเตรเลียน/เอเอฟพี/ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2552 “ดิ ออสเตรเลียน” รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พบปะหารือกับ โจซาเอีย โวเรเก “แฟรงก์” ไบนิมารามา นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารของฟิจิ ณ ที่ทำงานของไบนิมารามา ในกรุงซูวา เมื่อวันจันทร์ (6 ก.ค. 2552) โดยไม่ทราบว่าพูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ทว่า แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดีหลายรายในฟิจิบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังพิจารณาที่จะลงทุนเป็นเงิน 300 ล้านดอลลาร์ในฟิจิ

อ่านเว็บไซต์ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077728

สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้รับเป็นการตอบแทน น่าจะเป็นการรับประกันความปลอดภัยว่าจะไม่ถูกส่งตัวในฐานะเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปถูกลงโทษในประเทศไทย หากเขาเลือกฟิจิเป็นหนึ่งในฐานหลายๆ แห่งของเขาในระหว่างที่เขาหลบหนีอยู่เช่นนี้ ดิ ออสเตรเลียนกล่าว

“พ.ต.ท.ทักษิณใช้ชื่อปลอมเดินทางเข้าฟิจิ ถึงแม้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของฟิจิซึ่งอนุมัติการไปเยือนของเขาเป็นการล่วงหน้าแล้วนั้น ทราบดีว่าที่จริงแล้วเขาเป็นใคร รัฐบาลไทยนั้นได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณไปแล้ว และกล่าวว่าเวลานี้เขากำลังใช้พาสปอร์ตที่ออกโดยมอนเตเนโกร”

ดิ ออสเตรเลียน รายงานว่า เป็นที่เชื่อกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังมุ่งหน้าต่อไปยังประเทศตองกา จากนั้นก็ไปที่กรุงพอร์ตวิลา เมืองหลวงของวานูอาตู ซึ่งในวันที่10 ก.ค.2552 ที่กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของบรรดาผู้นำกลุ่มประเทศแถบเมลานีเชีย ที่เรียกกันว่า “Melanesian Spearhead Group หรือ MSG” ซึ่งประกอบด้วย ปาปัวนิวกินี, หมู่เกาะโซโลมอน, วานูอาตู และฟิจิ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลตองกาผู้หนึ่งกล่าวยืนยันวานนี้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บินไปตองกาในวันอังคารที่ 7 ก.ค. 2552 และได้หารือกับใครคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ติดตามดูแลเขา ที่กระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นก็เดินทางกลับไปฟิจิในวันพุธ (8 ก.ค. 2552) โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งขอไม่ให้เปิดเผยชื่อผู้นี้ ไม่ให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณมาตองกาด้วยวัตถุประสงค์อะไร

อนึ่ง เอเอฟพียังรายงานว่า เนอูมิ เลเวนิ โฆษกรัฐบาลฟิจิ ได้บอกกับสถานีวิทยุเชิงพาณิชย์ของฟิจิ โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณกับ ไบนิมารามา ได้หารือกันเกี่ยวกับข้อเสนอทางธุรกิจบางอย่างระหว่างการรับประทานอาหารค่ำ แต่โฆษกผู้นี้ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้