“สรรเสริญ” เผยรัฐบาลไม่มีนโยบายตั้งศูนย์อพยพ ผู้ลักลอบข้ามแดนทางเรือ แต่จำเป็นต้องตั้งพื้นที่ควบคุมชั่วคราว เหตุ ตม.พื้นที่ไม่พอ ย้ำหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตั้งรกรากในไทยไม่ได้ รับกักตัวไว้จำนวนมาก ดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ย้อนให้วิจารณ์เป็นธรรม
วันนี้ (15 พ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายทางเรือ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นใหญ่ในขณะนี้ว่า รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายสร้างหรือจัดตั้งศูนย์อพยพเพื่อรองรับบุคคลกลุ่มนี้ แต่จำเป็นต้องดำเนินการจัดตั้งพื้นที่ควบคุมเป็นการชั่วคราวขึ้นมาช่วยเสริมการปฏิบัติงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในช่วงที่มีการดำเนินการทางกฎหมาย ตลอดจนให้การดูแลด้านสุขภาพอนามัย อธิบายให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายเหล่านี้ รวมทั้งสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดต่อขบวนการค้ามนุษย์
“เนื่องจากกลุ่มผู้ลักลอบข้ามแดนเหล่านี้มีเป็นจำนวนมาก การใช้พื้นที่ของ ตม.เพียงส่วนเดียวไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ควบคุมขึ้นมาเพื่อให้ดำเนินการได้อย่างเหมาะสม และตามกฎหมายไทย ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะต้องถูกส่งกลับหรือส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ทั้งหมด ไม่สามารถมาตั้งรกรากในประเทศไทยได้”
พล.ต.สรรเสริญยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้ผู้ลักลอบข้ามแดนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมเป็นการชั่วคราวมีเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ในสภาพที่ต้องการการช่วยเหลือซึ่งหน่วยในพื้นที่ได้เข้าไปดูแลเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และสุขอนามัยพื้นฐานที่ควรได้รับตามหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งหลักคุณธรรมที่พึ่งปฏิบัติต่อกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีหน้าทีที่ต้องดูแลความสงบสุขของประชาชนชาวไทย และความมั่นคงของประเทศควบคู่กันไปด้วย
“ประเทศไทยได้ปฏิบัติตามหลักการขั้นพื้นฐานในการดูแลเพื่อนมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างดีที่สุดแล้ว หากจะมีใครกล่าวหาหรือวิพากษ์วิจารณ์แนวทางของประเทศไทยก็ขอให้พิจารณาอย่างเป็นธรรมว่า หากเป็นท่านจะทำอย่างไรที่ดีไปกว่านี้”