นายกฯ รับ ศก.ดีขึ้นเมินปรับทัพ ปัดขัดแย้งย้าย “อารีพงศ์” แย้มเดือนหน้าลงพื้นที่

“ประยุทธ์” เผยตัวเลขเศรษฐกิจเดินหน้าเรื่อยๆ ไตรมาสนี้เพิ่มทุกเดือน เน้นเพิ่มความเข้มแข็งภาคประชาชน ปัดปรับทัพแก้เศรษฐกิจ ชี้รัฐแก้ปัญหาคนจน ต้องให้เบ็ดไม่ใช่ให้ปลาเหมือนเก่า ขอเกษตรกรมีความสุขวันพืชมงคล สั่งฝ่ายกฎหมาย-สาธารณสุขดูปัญหาค่ารักษา รพ.เอกชนแพง หวั่นกระทบการลงทุน ฝากใช้ถนนเอื้อเฟื้อ แนะผู้ขี่จักรยานต้องรู้เส้นไหนปลอดภัย แย้มลงพื้นที่เดือนหน้า อุบไต๋จังหวัด

วันนี้ (12 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเดินหน้าไปเรื่อยๆ ถ้าไปดูตัวเลขรายปลีกย่อย อย่างเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ในช่วงไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นทุกเดือนคือการใช้จ่ายภาคประชาชนเพิ่มขึ้น วันนี้รัฐบาลได้เร่งรัดทุกหน่วยงาน ภาคเอกชนมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการเงิน จะเห็นว่าที่ผ่านมามีการกู้เงินลงทุนเพิ่มไปกว่า 9 หมื่นล้าน ทุกอย่างดีหมด เพียงแต่เศรษฐกิจระดับล่างมีปัญหา เพราะโครงสร้างใหญ่ไม่พร้อม ซึ่งเราได้เพิ่มความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชน เราไม่จำกัดข้างใดข้างหนึ่งเพราะกฎหมายมีอยู่ โดยรัฐมีหน้าที่ทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง และภาคเอกชนก็แข่งขันกันไป

นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาตลอดทุกเดือน ส่วนที่จะมีการปรับทัพเพื่อดูแลปัญหาเศรษฐกิจนั้น สื่อก็เขียนกันจนเละไปหมด ตนทำงานก็มีสติปัญญาของตน และ ครม.ก็มีสติปัญญาของเขา ต้องให้เกียรติเขาตรงนี้ เมื่อคิดอะไรมาตนก็มากลั่นกรอง บางอย่างก็มาจากที่ปรึกษาไม่ได้มาจากทางใดทางหนึ่ง อย่างนั้นไม่เรียกการทำงาน และนอกจากที่ตนจะฟังจากที่ปรึกษาแล้ว ก็ยังฟังสื่อและประชาชน มีคนของตนเดินลงพื้นที่นี่แหล่ะคือที่สั่งงานทุกวันนี้ อยากให้ลองไปนั่งฟังว่าตนสั่งอะไรบ้าง จนเขาเบื่อกันหมดแล้ว บ่นมากทั้งวัน สั่งอย่างละเอียด แต่ต้องทำแบบนั้น เพราะให้เร่งดำเนินการให้ได้ คนทั้งประเทศต้องเข้าใจว่าการทำให้เศรษฐกิจดีไม่มีความเสี่ยง ไม่มีประเทศไหนในโลกทำได้ เว้นแต่ประเทศนั้นทำโครงสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งและมีมาตรการลดความเสี่ยงไว้แล้ว เช่น มาตรการนำเข้าส่งออกสินค้า มีการเตรียมเรื่องนวัตกรรม ห่วงโซ่ อุปสงค์อุปทานหรือยัง เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ผลิตเองขายเองนั้นไม่พอ ต้องการมีการตั้งพันธมิตรต่างประเทศ และสร้างห่วงโซ่ภายในที่ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ประชาชนก็มีโอกาสมีทางเลือก คนหลายระดับก็สามารถที่จะอยู่ได้อย่างพอเพียง ถ้าทุกคนใช้มาตรฐานเดียวกัน ซื้อของห้องแอร์เหมือนกันอย่างไรก็ไปไม่ได้ ตนก็ทำให้ไม่ได้ ไม่มีใครทำได้ เพียงแต่เราจะต้องสร้างทางเลือกทางการค้าตามชุมชนต่างๆ เราคิดมากกมายตั้งแต่การลดต้อทุน ซึ่งขณะนี้กำลังไปไล่ดูตั้งแต่การลงมือไถ่ พืชที่ใช้ปลูก แหล่งน้ำ และการทำให้ภาคเกษตรเข้มแข็ง โดยมีสหกรณ์ดูแลแทนรัฐบาล ส่วนพื้นที่ที่ไม่สหกรณ์ เข้มแข็ง ทางทหารและหน่วยงานก็พร้อมจะเสริมให้ ตอนนี้เรากำลังปรับทั้งหมด โดยที่ผ่านมาไม่มีแนวคิดนี้เกิดขึ้นเลย

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลนี้จะมีโครงการอะไรที่จะไม่ทำให้เกษตรกรนึกถึงโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นึกถึงแล้วเป็นอย่างไร การที่จะทำไม่ให้นึกถึงนั้น ตอนนี้ทำไมได้แต่เรากำลังจะทำในกรอบหน้าคือ จะทำอย่างไรให้แหล่งน้ำมีการพัฒนาให้ได้ เราทำแบบรายปี และมีการกู้ กู้เงินเพิ่มเติมในระยะแรก เพราะต้องใช้นำใน 6-7 เรื่อง ทั้งในเรื่องอุปโภคบริโภค น้ำบาดาล เราคิดหมด และจะมีการสร้างการรับรู้ให้มากขึ้นว่าแผนน้ำเป็นอย่างไร ปีนี้พื้นที่ของตนเองจะมีน้ำหรือไม่ ถ้าไม่มีจะต้องปรับตัวอย่างไร หรือจะเปลี่ยนอาชีพ รัฐบาลจะดูแลอย่างไร นั่นแหละคือการเรียกว่าให้เบ็ดไปตกปลา เราก็สอนวิธีตกปลาให้เขา ไม่ใช่เอาปลาไปให้เขาเหมือนที่ผ่านมา และทำให้ปลาหมดอ่าวเพราะคนมากขึ้น และไม่นึกถึงคนกลุ่มอื่นที่ยากจนบ้างหรือ บ้านเราไม่ได้มีชาวนาที่ยากจนอย่างเดียว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมว่า ตอนนี้เรากำลังขับเคลื่อนเรื่องการลงทุนในพื้นที่ให้ได้ ขณะนี้มีการลงทุนไปแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดซื้อจัดจ้างมีปัญหา และวันนี้มีการเร่งรัดเบิกจ่ายและทำสัญญา ตอนนี้เราทำเร็วกว่าทุกรัฐบาล รวมถึงเรายังเร่งรัดเรื่องรถไฟทางคู่ที่ร่วมกับจีนให้เกิดในปีนี้ ทั้งนี้การใช้จ่ายงบกลางจะต้องไม่เป็นภาระในวันหน้าในเรื่องของหนี้สาธารณะ โดยหนี้สาธารณะที่เกิดในรัฐบาลนี้ต้องเป็นที่ก่อให้เกิดรายได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.ตนได้เห็นคำสั่งเห็นชอบให้นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ส่วนการโยกย้ายในตำแหน่งอื่นๆ จะมีทยอยมาในเดือนพ.ค. และเป็นการโยกย้ายปกติ ไม่ได้โยกย้ายเพราะมีความผิด

นายกฯ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันพืชมงคล อยากให้เกษตรกรมีความสุข มีเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ตนได้ให้มาเสมอ ไม่เคยดูถูกคนจน ถ้าเราคิดแบบคนจนได้ว่าต้องการอะไรก็จะทำงานได้ทุกอย่าง เพียงแต่จะทำให้เกิดช้าหรือเร็ว เราต้องไม่คิดแบบที่เราคิด ตนได้บอกกับ ครม.เสมอ ว่าถ้าเราคิดแบบสูงๆ นั้นไม่ได้ ต้องคิดถึงคนข้างล่างที่เดือดร้อน แล้วเราจะเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ให้เขาอดทนอย่างไรก่อนและต้องมีความชัดเจนว่าเมื่อไหร่ตรงนั้นจะดีขึ้น รวมถึงมีการลงรายละเอียดปลีกย่อย ไม่ใช่ใช้อำนาจสั่งว่าต้องดีขึ้น อย่างนั้นทำไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีปัญหาข้อร้องเรียนโรงพยาบาลเอกชนเก็บค่ารักษาพยาบาลและค่ายาจากชาวต่างประเทศสูงเกินจริงว่า ให้ฝ่ายกฎหมายและกระทรวงสาธารณสุขไปดูแล้ว โดยตนไม่ได้ต้องการเข้าไปควบคุมอะไรมาก เพราะเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นทางเลือกแต่ปัญหาที่ตนกังวล คือ เราต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการรักษาพยาบาล ฉะนั้นหากค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นมากๆ อีกหน่อยเขาก็จะไม่มาบ้านเรา การลงทุนเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลก็จะหายไป รายได้ประเทศจะหดลงไปปีละหลายแสนล้าน ซึ่งการที่ต่างชาติมารักษาพยาบาลบ้านเราเพราะมีราคาถูกและฝีมือดี และวันหน้าเมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียน บุคลากรที่มีฝีมือดีถูกจ้างออกไปจะทำอย่างไร ทุกอย่างเป็นห่วงโซ่ถึงกันหมด อย่างไรก็ตาม ต้องไปดูว่าที่แพงนั้นแพงจริงหรือไม่ ซึ่งคนจนก็มีหน่วยงานของรัฐในการรักษา ถ้าไม่ไหวก็เข้าเอกชน แต่ถ้าจะมาบอกว่าราคารักษาพยาบาลต้องเท่ากับก็ไม่ได้ เพราะเขามีกฎหมายที่ทำได้ แต่จะมีการควบคุมขอความร่วมมือว่าราคานั้นจะเป็นเท่าไหร่ ไม่ใช่มากกว่า 7-8 เท่า มันก็น่าเกลียดนะ เข้าใจยังไมใช่ลากตนไปตีกับเขาหมดเลย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยายบนถนนสาธารณะ ว่า ตนได้สั่งการไปแล้ว ทั้งนี้อย่าไปโทษใคร ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องเผื่อแผ่กันและระวังตัวเอง ไม่ใช้โทรศัพท์ ไม่เมาสุรา ทุกคนไม่ใช่เฉพาะผู้ใช้จักรยาน ซึ่งผู้ใช้จักรยานต้องรู้ว่าเส้นทางใดปลอดภัย ไม่ใช่ขี่โดยไม่ดูอะไรเลย นอกจากนี้ เจ้าหน้าจะต้องดูแลเมื่อเราไปจัดเพิ่มเติมก็เป็นภาระของเจ้าหน้าที่เหมือนกัน ต้องดูว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ส่วนเส้นทางจักรยานที่เป็นนโยบายของรัฐบาล เขาก็ทำกัน ส่วนที่ไม่ปลอดภัยก็ต้องไปสำรวจดู ก็ต้องยกเลิกบางอย่างในประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการรับรู้ ต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกฎระเบียบสังคมนั้นค่อยข้างน้อย ต้องยอมรับตัวเอง ทุกคนชอบให้กฎหมายนั้น มันไม่ได้ ตนได้บอกไปแล้วว่าประเทศเราจะเจริญจะต้องบังคับใช้กฎหมายให้น้อยที่สุด เจ้าหน้าที่กับประชาชนจะต้องลดการกระทบกระทั่งให้มากที่สุดด้วยข้อกฎหมาย ประเทศชาติจะเดินหน้าไม่ได้อยู่ที่กฎหมายอยู่ที่คนในการสร้างการรับรู้ อย่าให้ตนใช้อำนาจทุกอย่างเลย วันนี้ถ้าใช้อำนาจมากกว่านี้ประเทศไทยอยู่ไม่ได้แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ต่างจังหวัดว่า การลงพื้นที่ต่างจังหวัดคิดอยู่ทุกวัน เพราะการจะไปแต่ละครั้งต้องไปประชุม ไปเยี่ยมประชาชน 77 จังหวัดเขาเชิญตนทุกจังหวัด แต่พยายามที่จะไป แต่มีปัญหาคือ ขณะนี้กระทรวง ผู้ตรวจราชการ รองนายกรัฐมนตรี คณะขับเคลื่อนประเทศ ต่างก็ลงไปในพื้นที่ทั้งสิ้น คนละ 10 จังหวัด แบ่งกันไป เขาลงไปตรวจงานตามที่ตนได้สั่งลงไป ไม่ใช่ รองนายกฯ คนนี้ไปตรวจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น ทุกฝ่ายลงไปหมด เหลือตนเพียงคนเดียวที่ไมได้ไป ซึ่งการลงพื้นที่เพราะต้องการให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ความเชื่อมั่น การลงพื้นที่ต้องไปดูแลประชาชนอะไรที่ขาดเหลือ อาทิ งบประมาณ น้ำ เช่น ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องเอางบกลางลงไป และถ้าไปทุกจังหวัดเวลานี้ ต้องดูตามลำดับความสำคัญ กำลังเตรียมแผนเดือนหน้าอยู่