xs
xsm
sm
md
lg

ส.ศิวรักษ์ อัด “ชายหมู” มาจากการเลือกตั้ง แต่บริหารงานไม่เอาไหน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. (ซ้าย) นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ขวา)
ASTVผู้จัดการ – ส.ศิวรักษ์ โพสต์เฟซบุ๊กชี้รัฐบาลชุด คสช. บริหารงานแผ่นดินไม่กระฉับกระเฉง แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการบริหาร กทม. ของ ม.ร.ว.สุขุพันธุ์ ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ต้องถือว่าไม่เอาไหน อัดทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แนะประสานรัฐบาลเริ่มฟื้นฟูคูคลอง แม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนก็ได้

วันนี้ (7 พ.ค.) เฟซบุ๊กเพจ Sulak Sivaraksa ของนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักคิดและนักเขียนอาวุโส เขียนบันทึกความเห็นต่อการบริหารงานกรุงเทพมหานครของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และโยงไปถึงการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีรายละเอียดดังนี้

[ อนุสติสำหรับผู้ว่าฯ กทม. และหัวหน้า คสช. ]

ที่จริงคำว่าอัปรีย์ กับ จัญไร นั้นเป็นไวพจน์กัน และที่ข้าพเจ้ากล่าวว่ารัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เรื่อยตลอดมาจน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเป็นพวกอัปรีย์ เพราะว่าเลวร้ายอย่างสุดๆ แม้จะอ้างความเป็นประชาธิปไตยโดยรูปแบบ แต่มีความเป็นเผด็จการอย่างเต็มที่ เพียงกรณีการปราบยาบ้ายาม้า ก็ใช้มาตรการทั้งในและนอกกฎหมายอย่างเลวร้ายยิ่ง แต่แล้วก็ปราบไม่ได้ โดยอ้างว่าจะทำลายให้สิ้นซาก ยิ่งกรณีกรือเซะนั้น ทำลายคนมลายูมุสลิม โดยใช้วิธีการอย่างชาตินิยมอันเหี้ยมโหดอีกด้วย มิใยต้องเอ่ยถึงความรุนแรงต่างๆในทางอื่นๆ สำหรับพวก คสช.นั้น ถึงแม้จะเข้ามามีอำนาจด้วยการรัฐประหาร ซึ่งนับได้ว่าเป็นจัญไรอย่างอ่อนๆ แต่ ครม.ชุดนี้ ก็เทียบไม่ได้ในทางเลวร้ายกับ ครม. ของทักษิณ และครม.ของน้องเขย น้องสาวของเขา รวมถึง ครม. ของสมัคร สุนทรเวชด้วย

ข้อเสียก็คือรัฐบาลชุดนี้ บริหารงานแผ่นดินอย่างไม่กระฉับกระเฉงเอาเลย แต่ขอให้เปรียบเทียบดูกับผู้ว่าราชการ กทม. ซึ่งเข้าสู่ตำแหน่งจากการเลือกตั้ง แต่นั่นก็บริหารงานอย่างไม่เอาไหนแท้ทีเดียว

ผู้ว่าฯ กทม. น่าจะต้องรับผิดชอบกับผู้คนที่เลือกเขาเข้าไป แต่ดูเขาก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเอาเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรๆ
ยกตัวอย่างการทำแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นแม่น้ำที่ใสสะอาด รวมทั้งคูคลองรอบๆ ถ้าจัดได้ให้สมกับชื่อเจ้าพระยา ซึ่งน่าจะเป็นมรดกโลกได้ด้วยซ้ำไป ความข้อนี้ผู้ว่าฯ กทม. น่าจะหารือร่วมกับ ครม. และ คสช. ก็ได้ แม้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็น่าจะยินดีร่วมมือร่วมความคิด มิใยต้องเอ่ยถึงบริษัท ห้างร้าน และหน่วยงานเอกชนต่างๆ

อย่าให้ฝรั่งดูถูก ว่า แม่น้ำเทมส์อันเน่าเหม็นของอังกฤษ ก็กลายสภาพไปเป็นแม่น้ำที่ใสสะอาด และไม่เน่าเหม็นเอาเลย ยิ่งแม่น้ำไรน์ซึ่งไหลผ่านหลายประเทศ ประเทศนั้นๆ ก็ร่วมมือกันแก้ไขให้แม่น้ำดังกล่าวกลับคืนเข้าสู่สภาพธรรมชาติได้ ดุจดังทะเลสาบเยนีวา ซึ่งกินเนื้อที่หลายประเทศ ก็แก้ไขให้หมดแล้ว แล้วไทยเรางอมืองอตีนกันไปทำไม ไม่ว่าผู้ว่าฯซึ่งเข้าสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้ง หรือนายกฯที่เข้ามาสู่อำนาจด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร ร่วมมือกันทำงานหลักดังกล่าวให้เหมือนกันทั่วไปไม่ได้เจียว หรือ ว่าอย่างน้อยในสมัยที่มีอำนาจอยู่ในมือ ได้ทำอะไรอย่างไว้ลาย โดยอาจถือว่านี่เป็นการถวายพระราชกุศลก็ได้ เพราะแม่น้ำเจ้าพระยา แปลกันว่า River of King และในหลวงของเรา เราเอ่ยถึงพระองค์ท่านไว้ในภาษาอังกฤษว่า King of Kings

เราต้องไม่ลืมว่าพื้นเพเดิมของเราในทางวัฒนธรรมนั้นเป็นวิถีของน้ำ โดยย้อนกลับไปถึงกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นราชธานีเก่าแก่ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดจริงๆ แม้เมื่อย้ายมาตั้งกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว วิถีแห่งน้ำก็ยังเป็นปัจจัยหลักของคนไทย จนเมื่อเปิดประเทศ จะฝรั่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ แล้วนั่นแหละ เราจึงหันมาหาวิถีทางบกมากกว่าทางน้ำ ถึงกระนั้น เราก็รักษาอุทกสาราไว้เป็นหัวใจของผู้คนจนตราบเมื่อมาคบกับอเมริกัน ซึ่งหนุนให้เราทิ้งเกษตรกรรม โดยหันมาหาอุตสาหกรรม โดยเราถมคูคลองจนเกือบหมดสิ้น คูคลองกลายเป็นที่ทั้งน้ำเน่าเสีย แม่น้ำก็เลยพลอยเน่าบูดไปด้วย เพราะวิถีชีวิตแบบโลกาภิวัตน์ ซึ่งไม่เคารพแม่พระคงคา แม้แม่พระธรณี เราก็ไม่เคารพ เราเห็นอะไรๆไปในทางความสะดวกสบาย แม้นั่นจะทำลายธรรมชาติอย่างไรก็ตาม

ที่ว่ามานี้ ชนชั้นปกครอง ทั้งในระดับเมืองอย่างกทม. และทั้งในระดับประเทศอย่าง คสช. จะเข้าใจไหมหนอ ถ้าดวงตาเขาพอจะแลเห็นแสงสว่างอยู่บ้าง เขาน่าจะทำอะไรๆให้กลายความหายนะ ให้เป็นวัฒนะให้ได้ โดยเริ่มได้ที่แม่น้ำเจ้าพระยา นั่นจะเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่ง สำหรับผู้บริหารบ้านเมืองและประเทศชาติ แท้ทีเดียว

ส. ศิวรักษ์


ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม 2558 ซึ่งเกิดฝนตกและน้ำเอ่อท่วมหนักในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนและประชาชนอย่างหนักถึงการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า หากไม่อยากมีน้ำท่วมก็ต้องไปอยู่บนดอย

“ยืนยันฝนนอกฤดูเรามีความพร้อมตั้งแต่ ผมมารับตำแหน่งในครั้งแรก กทม. ได้ทำอะไรไว้มาก การระบายน้ำดีกว่าเมื่อก่อนที่ใช้เวลานาน แต่การระบายน้ำ 1 - 2 ชั่วโมง ในขณะนี้ ถือว่าไม่นานเกินไป หากฝนตกในปริมาณ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ก็จะสามารถระบายได้ทันที แต่ถ้าเกิน 60 มิลลิเมตรขึ้นไปอาจจะต้องใช้เวลา เราเป็นเมืองน้ำ เป็นเมืองฝน ไม่มีจุดเสี่ยงเลยคงไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำท่วมต้องไปอยู่บนดอย ใครจะว่าผม ผมไม่ได้ว่าอะไร ใครจะว่าผมก็ว่าได้ ที่ไม่เตือน กทม. เป็นความผิดของผมที่ไม่สามารถช่วยห้างท็อปส์ และพระราม 9 ซอย 7 ได้ เพราะเอกชนไม่ได้ให้ความร่วมมือ ...”

[ อนุสติสำหรับผู้ว่า กทม. และหัวหน้า คสช. ].ที่จริงคำว่าอัปรีย์ กับ จัญไร นั้นเป็นไวพจน์กัน และที่ข้าพเจ้ากล่าวว่ารัฐบ...

Posted by Sulak Sivaraksa on Wednesday, May 6, 2015



กำลังโหลดความคิดเห็น