หัวหน้า ปชป.ขอให้ ครม.ระวัง หลังให้เอ้กบอร์ดบริหารจัดการไก่ไข่ทั้งระบบโดยใช้ข้อมูลเก่า ทั้งที่ความจริงราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ 2.50 บาท ไม่ใช่ 2 บาท ส่อขัดมติ ครม.ยุคตน ล้มการเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ฝาก “ประยุทธ์” ดูแลหวั่นเพิ่มภาระ ปชช. รับแปลกใจดันทุรังหลายครั้ง แนะดูบทเรียนปาล์ม
วันนี้ (30 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ครม.รับทราบมาตรการแก้ปัญหาไข่ไก่ระยะยาวโดยให้อำนาจคณะกรรมการพัฒนานโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) มีอำนาจบริหารจัดการไก่ไข่ทั้งระบบ และกรมปศุสัตว์ควบคุมปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่และบริหารไก่ไข่พันธุ์ โดยการควบคุมเคลื่อนย้ายสัตว์เข้าสู่ฟาร์มจะเป็นการล้มการเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ที่ ครม.อภิสิทธิ์ เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 53 หรือไม่ว่า แม้ในมติ ครม.จะไม่ชัดเจนเช่นนั้น แต่ก็เหมือนกับปูทางไปสู่จุดนั้น จึงอยากให้ระมัดระวังเพราะปัญหาที่เผชิญอยู่ประชาชนเดือดร้อนเรื่องราคาไข่ไก่ มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผูกขาดทั้งการนำเข้าและกลไกการบริหารซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งมติ ครม.เดิมมุ่งแก้ตรงนี้ ถ้าหากมีสถานการณ์ที่เห็นว่าการนำเข้าทำให้เกิดปัญหาจะทบทวนเป็นครั้งคราวก็ทำได้ แต่ต้องให้ชัดเจนว่าสถานการณ์ขณะนี้ใช่หรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลที่รายงานต่อ ครม.คือ อ้างราคาไข่หน้าฟาร์มในวันที่ 16 มีนาคม 58 ว่าอยู่ที่ 2 บาท ที่เป็นข้อมูลเก่า เพราะในขณะนี้มีการขึ้นราคาไข่คละหน้าฟาร์มไปที่ 2.50 บาทแล้ว จึงอยากให้ทบทวนไม่อยากให้มองข้ามผลกระทบเหมือนเรื่องแก๊สเรื่องน้ำมัน เพราะเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชนซึ่งจะกระทบต่อการหมุนเวียนของเศรษฐกิจทำให้ประชาชนไม่ใช้จ่าย เนื่องจากอยู่บนความยากลำบาก และนับวันยิ่งอยู่บนความหวาดกลัวว่าเงินในกระเป๋าจะซื้อของได้ไม่มากเท่าที่ควรจะได้จึงระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
“ถ้าจะยกเลิกการเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ในสมัยที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องยกเลิกมติ ครม.เดิมก่อน แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกมติดังกล่าว ดังนั้น หากให้อำนาจเอ้กบอร์ดไปจัดการก็น่าคิดว่าจะขัดต่อมติ ครม.วันที่ 13 ก.ค. 53 หรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรียังฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลเศรษฐกิจโดยเฉพาะจุดที่จะนำไปสู่การเพิ่มภาระให้ประชาชน หรือเกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน เพราะเรื่องนี้ไม่ควรเป็นวัฏจักรกลับไปกลับมา ไม่ได้บอกว่ามติไหนดีที่สุดแต่หลักคิดต้องชัดเจน ถ้ามีปัญหาในทางปฏิบัติก็แก้ที่การปฏิบัติไม่ใช่เปลี่ยนนโยบาย
“ผมเห็นความพยายามที่จะทำเรื่องนี้มาหลายครั้งจนรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมต้องทำให้ได้ โดยที่สถานการณ์ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่อ้าง เพราะบางทีเหมือนกับมีการชี้นำตลาดให้ราคาลดลงเพื่อนำมาสู่ข้อเรียกร้องล้มการเปิดเสรีฯ แต่สภาพตลาดจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น จึงอยากให้ ครม.เอาเรื่องปาล์มเป็นบทเรียนด้วย เพราะตอนนำเข้าก็มีการเตือนว่าราคาจะตก ตอนนี้ก็เดือดร้อนกันมาก จึงอยากให้ระมัดระวังเพราะข้อมูลอาจไม่ตรงต่อสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่รอบด้าน” นายอภิสิทธิ์กล่าว