xs
xsm
sm
md
lg

ไฟเขียว 476 ล้าน โครงการประกันข้าวนาปี ฤดูผลิต 58 เริ่ม พ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

หลักการแนวทางการรับประกันภัยโครงการฯ ปีการผลิต 2558
ครม. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปีฤดูการผลิต 58 วงเงิน 476 ล้านบาท คาดมีชาวนาเข้าร่วมเพิ่ม 1.5 ล้านราย จากเดิม 8 แสนราย เริ่มโครงการฯต้นปีการผลิตในเดือน พ.ค. นี้ ใช้เงื่อนไข “ประกันปี 57 เดิม” “สมหมาย” รับอาจปรับวงเงิน หากพบ ชาวนาสนใจทำประกันมากขึ้น


วันนี้ (28 เม.ย.) นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการ ครม. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปีประจำปีการผลิต 2558 วงเงิน 476 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีชาวนาเข้าร่วมมากขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย จากเดิม 8 แสนราย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีการผลิตในเดือน พ.ค. นี้ โดยเงื่อนไขในโครงการยังเป็นตามเดิม แต่ในส่วนของวงเงินอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ หากมีการทำประกันมากขึ้น

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษก ครม. แถลงว่า ครม. ได้มีมติอนุมัติตามกระทรวงการคลังเสนอ โดยเร่งรัดให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการให้ทันภายในฤดูเพาะปลูก หรือในเดือน พ.ค. นี้ โดยใช้งบประมาณ 476 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของโครงการที่เหลือมาจากการดำเนินการในปี 57 จำนวน 208 ล้านบาท รวมกับงบประมาณที่ขออนุมัติเพิ่มเติมอีก 268 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลไปก่อนที่จะเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงในปีงบประมาณถัดไป

สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในการเพาะปลูกข้าวของเกษตร ซึ่งรัฐบาลอาจจะเยียวยาได้ไม่ครอบคลุม และใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงได้เชิญชวนให้เกษตรเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหายได้มากขึ้น ทั้งนี้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องจ่ายไร่ละ 60 - 100 บาทต่อไร่ และรัฐบาลอุดหนุนเพิ่มเติม 64 - 384 บาทต่อไร่ ตามระดับพื้นที่รับประกันภัย 5 พื้นที่ คุ้มครองภัย 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเก็บ และไฟไหม้ รวมทั้งภัยศัตรูพืชและโรคระบาด โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1.5 ล้านไร่ เพิ่มจากปี 57 ที่มีเกษตรกรเข้าร่วมเพียง 8 แสนไร่เศษเท่านั้น

มีรายงานว่า สำหรับ รายละเอียดของ โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558

ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต 2557 เพื่อให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปดำเนินการได้ทันฤดูกาลเพาะปลูกที่จะเริ่มในเดือนพฤษภาคม 2558 วงเงินงบประมาณจำนวน 476,483,250 บาท โดยเป็นเงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ ธ.ก.ส. ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณ (สงป.) เพื่อดำเนินโครงการ ในปีการผลิต 2557 จำนวน 208,471,024.74 บาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 268,012,225.26 บาท

ให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 268,012,225.26 บาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) + 1% ในปีงบประมาณถัดไป

มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โดยกรมส่งเสริมการเกษตรประสานงานกับสมาคมประกันภัยวินาศภัยไทย โดยผู้รับประกันภัยเอกชน (สมาคมฯ) ธ.ก.ส. และกระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ 02) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกรผู้เอาประกันภัยข้าว เพื่อรับค่าสินไหมทดแทน (แบบ กษ 02 เพื่อการรับประกันภัย) ตลอดจนพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับระบบการรับประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน และข้อมูลพื้นที่ประสบภัยตามการประกาศภัยของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว

สาระสำคัญของเรื่อง กระทรวงการคลัง รายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ตั้งแต่ปีการผลิต 2554 - 2557 ได้พบว่าอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินโครงการต่ำกว่าเป้าหมายในทุกปีการผลิตมาจากโครงการ ในปีการผลิตที่ผ่านๆ มา เริ่มรับประกันภัยหลังฤดูกาลเพาะปลูกข้าวของเกษตรกร โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 27 กรกฎาคม 13 กันยายน และ 24 มิถุนายน สำหรับโครงการ ปีการผลิต 2554 2555 2556 และ 2557 ตามลำดับ ในขณะที่เกษตรกรส่วนใหญ่ (ยกเว้นเกษตรกรที่ปลูกในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง) ได้เริ่มเพาะปลูกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ส่งผลให้เกษตรกรกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรจำนวนมากไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ในปีการผลิต 2556 และ 2557 ได้ เนื่องจากได้เริ่มเพาะปลูกไปแล้วเกิน 45 วันหลังจากวันเพาะปลูกวันแรก ซึ่งไม่ตรงกับเงื่อนไขของกรมธรรม์

นอกจากนี้ เกษตรกรจะใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อกรมธรรม์ค่อนข้างมาก ประกอบกับระยะเวลาการประชาสัมพันธ์มีจำนวนจำกัด ปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการฯ ดังนั้น หากการดำเนินโครงการ ปีการผลิต 2558 มีความล่าช้าในการเริ่มดำเนินการเหมือนกับปีการผลิตผ่านๆ มา จะทำให้เกษตรกรจำนวนมากไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์จำกัดไม่สามารถจูงใจให้เกษตรกรทำความเข้าใจในการดูแลความเสี่ยงด้วยตนเองโดยการประกันภัย และไม่มีเวลาให้เกษตรกรเพียงพอในการตัดสินใจซื้อกรมธรรม์

กค. โดย สศค. ธ.ก.ส. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้หารือร่วมกับ กษ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยผู้รับประกันภัยเอกชน เพื่อดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2558 โดยเห็นควรดำเนินการรับประกันภัยต่อเนื่องจากโครงการ ในปีการผลิต 2557 และเริ่มดำเนินการก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวของเกษตรกร ทั้งนี้ โครงการปีการผลิต 2558 มีหลักการแนวทางการรับประกันภัย และรายละเอียดการรับประกันภัย เช่นเดียวกับรูปแบบที่ได้ดำเนินการในปีการผลิต 2557 ดังนี้

สำหรับรายละเอียดโครงการการรับประกันปี 2558 ผู้รับประกันภัย ได้แก่ สมาคมประกันวินาศภัยไทย โดยผู้รับประกันภัยเอกชน ระยะเวลาการขาย หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ และสิ้นสุดการขายกรมธรรม์ภายใน 30 วัน หลังจากเดือนที่มีปริมาณพื้นที่เพาะปลูกสูงสุดผ่านไป

อัตราเบี้ยประกันภัย (บาทต่อไร่) เบี้ยประกันภัยเบื้องต้น เบี้ยประกันภัยที่เกษตรกรต้องชำระ แบ่งพื้นที่รับประกันภัย 5 พื้นที่ตามระดับความเสี่ยง 115 - 450 บาทต่อไร่ (กระทรวงการคลังได้เจรจาขอปรับลดอัตราเบี้ยประกันภัยจากสมาคม ได้ต่ำกว่าโครงการปีการผลิต 2557 อยู่ที่ร้อยละ 4.8 ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การลดลงของอัตราเบี้ยประกันภัยไม่มากเท่าที่ควรมาจากสัดส่วนพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการฯ ต่อพื้นที่เพาะปลูกรวมยังอยู่ในระดับต่ำ) 60 - 100 บาทต่อไร่ (เป็นอัตราเดียวกับโครงการฯ ปีการผลิต 2557)

เบี้ยประกันภัย ส่วนที่รัฐต้องอุดหนุน 64.12-383.64 บาทต่อไร่ วงเงิน 476,483,250 บาท (โดยเป็นเงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการในปีการผลิต 2557 จำนวน 208,471,024.74 บาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวน 268,012,225.26 บาท) ซึ่งน้อยกว่าโครงการฯ ปีการผลิต 2557 จำนวน 18,422,971.50 บาท หรือคิดเป็นอัตราการลดลงร้อยละ 3.72

ความคุ้มครองภัย 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วม หรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุ หรือ พายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว หรือ น้ำค้างแข็ง ลูกเก็บ และ ไฟไหม้ รวมทั้งภัยศัตรูพืชและโรคระบาด

อัตราค่าสินไหมทดแทน (บาทต่อไร่) 1,111 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติ 6 ภัย และวงเงินคุ้มครอง 555 บาท ต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาด (เป็นอัตราเดียวกับโครงการปีการผลิต 2557) โดยมี พื้นที่เพาะปลูกเข้าร่วมโครงการ (ไร่) 1.5 ล้านไร่


กำลังโหลดความคิดเห็น