เกาะกระแส
00 ตามกำหนดการเดิมวันที่ 17 เม.ย.จะมีการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือน และแน่นอนว่ารัฐบาลคงจะชูเรื่องความมั่นคงเป็นผลงานเด่น สามารถรักษาความสงบได้ดี ไม่มีเรื่องวุ่นวายให้รำคาญใจ หากไม่มีเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่ห้างเซ็นทรัลฯสมุย เมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่าแจ๋วทีเดียว เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศในเทศกาลสงกรานต์หยุดยาวครั้งนี้เรียกว่าล้นทะลักมากมายเป็นประวัติการณ์ น่าชื่นใจ เพราะการท่องเที่ยวก็คือการเดินทาง มีการใช้จ่ายกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้ดีที่สุดทางหนึ่ง
00 แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงความมั่นคงก็ต้องมองไปที่ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมทีมงานทั้ง รมช.กลาโหม และผบ.ทบ.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่เป็นหัวเรือใหญ่คุมเกมได้ดี แม้กระทั่งเกิดเหตุที่เกาะสมุย ก็ยัง"ไม่เป๋"ไม่หลงกลจัดฉากว่าเป็นฝีมือโจรใต้ขยายพื้นที่มาก่อเหตุ ฟันธงตั้งแต่ต้นว่าเป็นฝีมือของ กลุ่ม"อำนาจเก่า-คนแดนไกล" ที่คราวนี้ปรับวิธีการลงมือด้วยการ"จ้าง"กลุ่มโจรใต้ที่เป็น"ลูกน้อง"ของนักการเมืองในสังกัดในพื้นที่ชายแดนใต้ข้ามถิ่นมาลงมือ มีการปล้นรถมาจากยะลาทำกันแบบครบสูตร แต่ก็อย่างว่าการลงมือในพื้นที่เกาะสมุย มันก็มีจุดอ่อนทำให้แกะรอยได้ง่ายเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะเป็นพื้นที่เปิดมีคนพลุกพล่าน แต่ถ้ามีการตรวจสอบสกรีนมันก็ทำได้ ถึงได้มีการสรุปตามมาว่าเป็นฝีมือกลุ่มไหนไงละ !!
00 ยังไม่นอกเรื่องผลงานรัฐบาล 6 เดือน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเชื่อว่าต้องเน้นด้านความมั่นคง ตามด้วยโรดแม็ปปฏิรูป โดยเฉพาะเรื่องยกร่างรธน.ฉบับใหม่ อ้อ เกือบลืมต้องเน้นความจำเป็นของ ม.44 มาควบคุมไม่นั้นเอาไม่อยู่ แต่ปัญหาก็คือจะเอาผลงานด้านเศรษฐกิจเรื่องใดมาแถลง เพราะจนถึงนาทีนี้มัน "อ่อนยวบ"อย่างชัดเจน และดีไม่ดีถ้าเปิดโอกาสให้ซักถามอาจมีรายการหัวเสียปรี๊ดแตกเกิดขึ้นตามมาอีก โดยเฉพาะหากถามเรื่องปรับครม.โละทีมศก.ที่ต้องบอกตรงๆว่าผลงานไม่เอาอ่าว มีมุมมอง วิธีการคิดอยู่ในกรอบเดิมๆ แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่าคนที่ปั่นป่วนหัวใจนอกเหนือจาก นายกฯลุงตู่แล้ว "หม่อมอุ๋ย"มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯในฐานะหัวหน้าทีมจะต้องกระอักกระอ่วนมากกว่าใคร
00 ดังนั้นจะบอกว่าเรื่องเศรษฐกิจยังเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงไม่ผิด เพราะเวลานี้หันไปทางไหนล้วนแต่บ่นกันแต่เรื่องของแพง รายได้หด ทั้งที่ราคาน้ำมันก็ลดลงจากเดิม ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างที่อ้างกันนี่หว่า ถ้าหากให้คิดตามกันแบบชาวบ้านก็ต้องบอกว่าสาเหตุสำคัญก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเรื่องที่ปล่อยให้ก๊าซหุงต้มขึ้นราคา รวมไปถึงก๊าซในภาคขนส่ง ทำให้มีข้ออ้างในการปรับราคากันเป็นลูกโซ่ แล้วคุมไม่อยู่ เหมือนกับก่อนหน้านี้ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในยุคที่มี รมว.พลังงาน พิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ตอนแรกลดราคาน้ำมันลงมาฮวบฮาบถึงลิตรละ 7-8 บาท ชาวบ้านดีใจกันใหญ่ แต่ต่อมาก็หันกลับมาใช้กองทุนน้ำมัน และปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปทะลุ 30 บาท อยู่พักหนึ่งนั่นแหละก็หายนะ มันเป็นข้ออ้างชั้นดีที่ทุกอย่างต้องขึ้นราคา ดังนั้นในยุคนี้ก็เหมือนกันเมื่อราคาแก๊สปรับขึ้น ทุกอย่างก็ต้องแพงตาม ทั้งอาหารตามสั่ง ราคารถเมล์ รถสองแถว รถมอเตอร์ไซต์ แต่ถ้าถามถึงรายได้กลับลดลง ชักหน้าไม่ถึงหลัง นี่คือความจริง ที่ลุงตู่ต้องปวดหัว !!
00 สังเกตให้ดีเวลานี้บรรดาพรรคการเมือง เริ่มตีเข้ามาที่ขุดอ่อนของรัฐบาลแล้ว เมื่อสองสามวันก่อน พรรคเพื่อไทยก็ส่งโฆษกเด็กๆมาเยาะเย้ยว่าแก้ปัญหาปากท้องล้มเหลว ทุกอย่างเริ่มติดลบ แม้ว่าไม่จริงทั้งหมด แต่ชาวบ้านเขาไม่ได้คิดรอบด้านหรอก เขามองเพียงแค่เรื่องปากท้องของแพง แล้วก็ชี้ไปที่รัฐบาลว่าทำไมถึงแก้ปัญหาให้เขาไม่ได้ คนพวกนี้ไม่ได้มองไปถึงตลาดโลก ประเทศคู่ค้ามีปัญหาถดถอยทางเศรษฐกิจอะไรหรอก ดังนั้นถ้าในช่วงเวลาที่เหลือยังย่ำกันอยู่แบบนี้รับรองว่า จุดแข็งในเรื่องความมั่นคงก็จะกลายเป็นจุดอ่อนในที่สุด นั่นแหละ !!