รองโฆษกรัฐบาล แจงนายกฯ ปูดมีขบวนการปลุกระดมต่อต้านรัฐบาล ชี้เหมือนที่ “วิษณุ” เคยกล่าวแยกเป็น 5 กลุ่ม ยันเกาะติดกลุ่มเหล่านี้อยู่ ด้านที่ปรึกษารองนายกฯ ชี้ไม่อยากพาดพิงใคร แต่เฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ และพวกฮาร์ดคอร์การเมือง ยันไม่รุนแรงถึงขั้นต้องคงกฎอัยการศึกไว้ แต่ไม่ประมาท ชี้มีบางกลุ่มไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองปกติ หวั่นทำโรดแมปล่าช้าออกไป
วันนี้ (4 เม.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่ายังมีขบวนการที่ยังปลุกระดมต่อต้านรัฐบาล ว่า ในรายละเอียดก็จะเหมือนกับที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้จัดกลุ่มไว้คือ 1. กลุ่มการเมืองที่สูญเสียอำนาจ 2. กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบของสังคม 3. กลุ่มธุรกิจที่เสียผลประโยชน์จากการปฏิรูป 4. ประชาชนที่ได้รับผลกระทบที่อาจไม่เกี่ยวกับกลุ่มทุนและกลุ่มการเมือง และ 5. กลุ่มที่จ้องจะป่วนเนื่องจากถ้าหากโรดแมปเดินหน้าสำเร็จจะต้องเสียผลประโยชน์จากการปฏิรูป ซึ่งในกลุ่มเหล่านี้นั้นก็มีบางกลุ่มที่เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองอำนาจเก่า โดยมีการเคลื่อนไหวจากข้างในประเทศและนอกประเทศ
โดยสิ่งที่เป็นสิ่งบอกเหตุได้คือ มีการจาบจ้วงสถาบันจากทั้งภายนอกประเทศ และภายในประเทศก็มีการขานรับลูกกัน รวมถึงเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และศาลอาญา รัชดาภิเษก ที่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะมีการโยงใยจะเห็นได้ว่าหลังจากจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องได้แล้วยังสามารถจับตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีกหลายคน ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนที่เชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ ยังรวมไปถือการขานรับจากกลุ่มต่างๆ ทั้งสื่อหัวสีในประเทศ สื่อต่างประเทศ ที่มีล็อบบียิสต์วิ่งกันอยู่ เหล่านี้คือสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่ามีการเคลื่อนไหวจริง ไม่ได้อุปทานไปแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทั้งนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงยังคงติดตามกลุ่มเหล่านี้อยู่ มีมาตราการทุกอย่างที่ให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไประงับยับยั้งได้ในสิ่งที่เขาเตรียมการอยู่ ตนเชื่อว่าเมื่อยกเลิกกฏอัยการศึกแล้ว กลุ่มเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการติดตามจับตากลุ่มต่างๆ เหล่านี้เจ้าหน้าที่ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันสิ่งที่เรากังวลว่าจะปฏิบัติไม่สะดวกเหมือนตอนมีกฏอัยการศึก ก็มีการแยกออกมาเขียนเป็นกฎหมายฉบับใหม่ ถ้ายังขาดอยู่ก็มีสองกรณีแต่อาจไม่โดดเด่นจนเป็นอุปสรรคมากนัก คือ เรื่องการจัดระเบียบสังคม และการดำเนินการกับกลุ่มที่ชอบทวงหนี้นอกระบบ
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เราไม่อยากจะระบุว่ากลุ่มไหนมีการเชื่อมโยงใคร ไม่อยากพาดพิงเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อไม่มีหลักฐานชัดเจนจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับเขา แต่เอาเป็นว่าเรามีการเฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ กลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะรุนแรงและล่อแหลม ส่วนกลุ่มการเมืองธรรมดา หรือพรรคการเมืองธรรมดาที่เสียผลประโยชน์ ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเขาอยู่ในระบบอยู่แล้ว แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวใต้ดิน เคลื่อนไหวในต่างประเทศ และขบวนการที่พยายามก่อความรุนแรงนั้น ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ นายวิษณุ ก็พูดตรงกันว่ามีกลุ่มเหล่านี้อยู่
ถึงแม้กลุ่มเหล่านี้จะยังเคลื่อนไหวอยู่ แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นต้องคงกฏอัยการศึกไว้ การยกเลิกกฎอัยการศึก และมีมาตรการ 14 ข้อ ตามมาตรา 44 ถือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เพราะถ้ากังวลก็คงกฎอัยการศึกไว้แล้ว แต่เราก็ไม่ประมาท โดยเฉพาะกลุ่มที่สร้างความรุนแรง อย่างการระเบิดห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และศาลอาญา รัชดาภิเษก ที่แม้จะเป็นส่วนน้อย แต่ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ โดยกลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ ที่อาจคิดว่าเมื่อเลือกตั้งแล้วจะไม่ได้ประโยชน์เหมือนที่เขาคิด อาจเป็นเรื่องกฎกติกา หรือรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำเพื่ออะไร เพราะจะทำให้โรดแมปช้าออกไป การเลือกตั้งช้าออกไป