ที่ปรึกษารองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงระบุสถานการณ์ไฟใต้ ในแง่ยุทธการรัฐบาลได้พื้นที่คืนในเขตเมืองมากขึ้น ผู้ก่อความไม่สงบทำได้แค่หาช่องว่างสร้างสถานการณ์ข่าวใหญ่ หนำซ้ำออกไปนอกเมืองมากขึ้น กองกำลังถูกผลักเข้าป่า ส่วนการคุยสันติภาพยังเดินไปตามขั้นตอน เปรยต้องทำไปเรื่อยๆ ด้านเหตุระเบิดสยามพารากอนหากจะหาความเชื่อมโยงก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้ในพื้นที่จะมีการกำชับและระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งการแจ้งเตือนทางการข่าวยังมีช่องโหว่อยู่ เช่น แจ้งเตือนไปแล้วว่ามีรถต้องสงสัย แต่เหตุใดจึงเข้ามาได้ จึงต้องปรับระบบให้เข้มข้นขึ้น แต่ทั้งนี้ ไม่อยากให้กระทบกับบรรยากาศโดยรวม ที่สถานการณ์เริ่มคลายตัวแล้ว ทั้งการพูดคุยสันติสุข และการทำงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องปรับให้สมดุล โดยการกระชับมาตรการความมั่นคง ความปลอดภัย และเร่งกระบวนการพูดคุยสันติสุขเพื่อหาทางออกร่วมกัน และจะเร่งปรับแผนพัฒนาโดยการนำงบประมาณที่เหลือลงพื้นที่
นายปณิธาน กล่าวว่า ในแง่ของยุทธการจะเห็นว่ารัฐบาลได้พื้นที่คืนมากขึ้น แต่ก็จะมีการสงสัยว่าเหตุใดจึงมีเหตุการณ์ร้ายอีก ซึ่งข้อเท็จจริงคือผู้ก่อความไม่สงบเคลื่อนไหวในเขตเมืองได้น้อยลง จึงรอที่จะหาช่องว่างเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เป็นข่าวใหญ่ เช่นการพยายามทำระเบิดให้ใหญ่ ซึ่งจะสังเกตได้ว่ากองกำลังเหล่านี้ออกไปเคลื่อนไหวนอกเมือง ในพื้นที่ชนบทมากขึ้น เนื่องจากถูกผลักดันออกไป ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มเป้าหมายก่อเหตุน้อยมากเพราะเป็นพื้นที่เขตป่าเขา
“จะเห็นว่าเวลาเรามีการปะทะการจับกุมจะเป็นพื้นที่ป่าเขา พื้นที่นอกชุมชน แสดงว่าเขาเหมือนกับว่าหลบขึ้นไป หลบออกไป แต่ที่เหลืออยู่ก็จะวางแผนได้รอบคอบขึ้น สามารถเจาะเข้ามาในบางพื้นที่ที่ยังมีปัญหาได้บ้างเป็นครั้งคราว ก็จะเป็นข่าวใหญ่ แต่จำนวนความถี่จะลดลง ซึ่งมันลดลงก็จริงแต่เขาจะทำให้มันใหญ่ขึ้น น่ากลัวยิ่งขึ้น แต่ของเขาสูญเสียมากขึ้นในพื้นที่ชนบท” นายปณิธาน กล่าวและว่า ตนคิดว่าการทำงานของรัฐได้ผลมากขึ้น แต่นี้ยังไม่พอใจต้องปรับกันไปเรื่อยๆ
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ส่วนการพูดคุยสันติภาพนั้น จะยังเดินไปตามขั้นตอน ทั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ระดับชาติ คณะกรรมการท้องถิ่น คณะกรรมการกลางที่มีการกำหนดตัวบุคคลและประสานงานกับทางมาเลเซีย โดยตอนนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้มีการเตรียมประเด็นที่จะพูดคุย เตรียมผู้เชี่ยวชาญทางด้านเหล่านี้ ซึ่งเรามีข้อมูล ข้อเท็จจริงมีตัวบุคคลอยู่ แต่การเอาสิ่งเหล่านี้มาทำเป็นคณะพูดคุยเจรจาต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องพัฒนาศักยภาพ ทักษะ ความเข้าใจ ความไว้วางใจ ซึ่งทางฝ่ายเขาก็ยังไม่พร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์จะเห็นว่ายังมีความหลากหลายอยู่ ซึ่งการพูดคุยต้องทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้าสู่ระบบการพูดคุยสันติสุขอย่างเป็นทางการ โดยในวงรอบ 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือนหรือ 1 ปี ต้องเห็นผลเป็นระยะๆ
ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่สยามพารากอน จะเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองหรือไม่นั้น นายปณิธาน ระบุว่า ฝ่ายความมั่นคงกำลังจับตาดูความเชื่อมโยงเหล่านี้อยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่มีลักษณะบางอย่างที่สอดคล้องกันอยู่บ้าง ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีทักษะเฉพาะแต่ความเชื่อมโยงเป็นเรื่องระเอียดอ่อน บางครั้งจะนำเรื่องการเมืองไปเชื่อมโยงกับความรุนแรงก็จะเกิดผลกระทบจึงต้องแยกว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อสร้างความรุนแรงก็เป็นกลุ่มหนึ่ง กลุ่มทางการเมืองก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ถ้าไม่มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนทางการก็จะไม่สรุป