xs
xsm
sm
md
lg

คนรัฐบาลยันไม่รู้เรื่องข่าวลือ “ยิ่งลักษณ์” ขอลี้ภัยกงสุลมะกันที่เชียงใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม ระหว่างพูดคุยต่กับนายแพทริก เมอร์ฟี่ อุปทูตสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.
คนรัฐบาลประสานเสียงไม่ทราบเรื่อง “ยิ่งลักษณ์” ขอลี้ภัยกงสุลมะกันที่เชียงใหม่ ยันรัฐบาลไม่ได้จ้องไล่ล่า ชี้การสอบทานข่าวไปยังสถานทูตเป็นเรื่องของการสงวนสิทธิ์ของกลุ่มบุคคล ซึ่งรัฐบาลก็ต้องเคารพกติการะหว่างประเทศ ด้านรองนายกฯ ด้านสังคม ย้ำคุยกับอุปทูตวานนี้ “เรื่องวิจัยเอดส์”

วันนี้ (12 ก.พ.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอลี้ภัยต่อสถานกงสุลของสหรัฐฯ ที่ จ.เชียงใหม่ ว่าไม่ทราบรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ต้องไปถามฝ่ายความมั่นคง แต่จากการตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และเรื่องคดีความที่เกิดขึ้น ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีอาญา และคดีแพ่งที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม พร้อมกับย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ไล่ล่า หรือต้องการเอาผิดต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะระหว่างนี้คดีความของกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกัน

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปสถานกงสุลใหญ่ สหรัฐฯ ประจำ จ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ตามเห็นว่า การสอบทานข่าวไปยังสถานทูตฯ เป็นเรื่องของการสงวนสิทธิ์ของกลุ่มบุคคล รัฐบาลก็ต้องเคารพกติการะหว่างประเทศ เพราะเป็นการคุ้มครองกัน อย่างไรก็ตาม เอกสิทธิ์ในการคุ้มครอบระหว่างสถานทูตหรือสถานกงสุลมีความใกล้เคียงกัน

มีรายงานอีกว่า ตลอดทั้งคืนมีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เตรียมเดินทางออกนอกประเทศและขอลี้ภัยที่สหรัฐอเมริกา โดยกระแสอ้างด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจประสานเป็นการภายในผ่านสถานทูตสหรัฐอเมริกาในไทยเพื่อเป็นช่องทางออกนอกประเทศ แต่ช่องทางนี้เป็นไปได้ยากเพราะสหรัฐฯ คงไม่กล้าเสี่ยง เพราะทำให้ความความสัมพันธ์ของสองประเทศเลวร้ายลงไปอีก อีกทางที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ รอคำสั่งศาลฎีกาฯ หากให้ประกันตัวในคดีโครงการรับจำนำข้าวแล้วขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลฎีกาฯ และ คสช.

ขณะเดียวกัน กลางดึกที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเข้าไปพำนักใน สถานกงสุลใหญ่ สหรัฐฯ ประจำ จ.เชียงใหม่

รองนายกฯ ด้านสังคมย้ำคุยกับอุปทูตเรื่องเอดส์

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม กล่าวถึงกรณีอุปทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เข้าพบเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ว่า เป็นการเข้าพบเพื่อพูดคุยต่อเนื่องกรณีที่ตนได้พบกับนายแพทริก เมอร์ฟี และพูดคุยกันเรื่องสังคม หลังจากคนสหรัฐฯได้รับรางวัลเจ้าฟ้ามหิดล และพูดคุยต่อเนื่องเรื่องการต่อยอดความร่วมมือในการศึกษาสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย โดยมูลนิธิบิลเกตต์ ในสหรัฐฯ เคยให้ความสนใจกับการให้ทุนก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนรักษาโรคเอดส์ และก็สนใจประเทศไทย แต่เมื่อเรื่องเงียบทางรัฐบาลสหรัฐฯก็อยากจะคุยกันในเรื่องของความร่วมมือทางด้านงานวิจัย

“ประเด็นการเมือง อุปทูตสหรัฐฯ ก็รับฟังผม เขาพูดว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศยังดีอยู่ ผมก็ให้ความเห็นไปว่าหากเรารับฟังคุณ คุณก็ต้องรับฟังเราด้วย ส่วนเรื่องจะให้ลดระดับวาทกรรมทางการทูตของสหรัฐฯ ไม่ใช่หน้าที่ของผม”

นายยงยุทธกล่าวว่า ขณะที่การหารือเรื่องรายงานการขึ้นบัญชีการค้ามนุษย์ที่สหรัฐฯ ยังกังวลในประเทศไทย ตนก็ถามกลับไปยังสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯ เองอยู่ในระดับไหน โดยเฉพาะประเด็นของการลี้ภัย การขึ้นบัญชีการค้ามนุษย์นั้นเราก็ห่วงเช่นกัน

รายงานระบุว่า สำหรับแผนกกงสุลประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ดำเนินการในด้านวีซ่าพำนักแบบถาวร ในส่วนของ 16 จังหวัดในภาคเหนือและภาคเหนือตอนล่าง และยังช่วยเหลือชาวอเมริกันที่พำนักอาศัยหรือเยี่ยมเยือนจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือและภาคเหนือตอนล่าง


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
นายปณิธาน วัฒนายากร
กำลังโหลดความคิดเห็น