รัฐมนตรีช่วยกลาโหม เข้าประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เผย “ประวิตร” เตรียมคุยขอบเขตงานแต่ละหน่วย สรุปภาพรวมเป็นแผนไตรมาส ยันนายกฯ หวังเดินหน้าเจรจา แก้ด้วยความสันติสุข ถ้าคุมสถานการณ์ได้อาจต่อรองได้เร็ว แย้มสั่งปรับแผนปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับเหตุ แต่รับยังมีจุดอ่อน ระบุถ้าตั้งใจจะคุยกันจริงอาจผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้
วันนี้่ (4 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสธ.ทบ. พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุม
โดย พล.อ.อุดมเดชให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม คปต.ว่า ในการประชุมครั้งนี้จะมีการพูดคุยถึงเรื่องขอบเขตงานที่รับผิดชอบในแต่ละหน่วยงาน จะมีการสรุปภาพรวมสถานการณ์ในรอบปี ต่อไปเมื่อได้ภาพรวมจะนำมาสรุปทำเป็นแผนงานใน 3 เดือนต่อไปว่าต้องมีการวางแผนรวมถึงยุทธศาสตร์เพิ่มเติมอะไรบ้าง ต่อไปเมื่อวางแผนในรอบ 3 เดือนแล้วจะมีการประชุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องประจำทุกเดือนเพื่อขับเคลื่อนและติดตามความคืบหน้างานที่แต่ละกระทรวงได้รับมอบหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงมีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ความจริงแล้วมีความพยายามเฝ้าสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีความพยายามยกระดับความรุนแรงในการก่อเหตุ และเป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างสันติสุข โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมพูดคุยกับทางการมาเลเซียแล้ว และอยากมีการพูดคุยเหมือนเดิม อีกทั้งอยากให้แก้ปัญหาด้วยความสันติสุขเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหา หากเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อาจจะทำให้การต่อรองมีน้ำหนักและเกิดขึ้นเร็ว ซึ่งอาจทำให้ผู้ก่อความไม่สงบพยายามยกระดับความรุนแรงในการสร้างสถานการณ์มากขึ้น
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมทางไกลและได้สั่งการเน้นย้ำใหัหน่วยเฉพาะกิจจังหวัดมีการปรับแผนช่วงเวลาในการปฏิบัติงานในพื้นที่ให้สอดคล้องกับการก่อเหตุ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากเป็นเรื่องยุทธวิธีในการปฏิบัติงานที่เกรงว่าผู้ก่อความไม่สงบจะรู้ความเคลื่อนไหว ตนยืนยันว่าเราได้ให้ความระมัดระวังในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากประชาชนต้องการความสงบสุขกลับคืนมา แต่เมื่อเรามีจุดอ่อนบางอย่าง เช่น หากเราเข้าไปดูแลโรงเรียนอาจทำให้คนร้ายไปก่อเหตุในสถานที่ราชการอื่นแทน ขณะนี้เราจึงวางกำลังให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ตนจึงขอความเห็นใจประชาชนในพื้นที่ เพราะระหว่างคนตั้งใจก่อเหตุกับคนแก้ไขปัญหามีวิธีการทำงานที่ยากลำบากแตกต่างกัน เราจึงพยายามปรับยุทธวิธี
เมื่อถามว่า การก่อเหตุครั้งนี้มองว่าเป็นการต่อรองและกดดันเพื่อให้มีการพูดคุยสันติสุขเกิดขึ้นโดยเร็วหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องการพูดคุยตนไม่สามารถตอบได้ว่าฝ่ายผู้เห็นต่างต้องการหรือไม่ แต่ฝ่ายเราต้องการอยู่แล้ว เพราะอยากให้เกิดสันติสุข และแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี โดยที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายก็ได้แสดงออกถึงความต้องการของแต่ละฝ่าย เมื่อถามอีกว่า หากมีการพูดคุยสันติสุขจะทำให้มีการก่อเหตุเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เราต้องระมัดระวังอยู่แล้ว แต่หากการพูดคุยมีความตั้งใจกันจริงสถานการณ์อาจผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้