“ปณิธาน” เผยจ่อจัดระบบงานปราบค้ามนุษย์ใหม่ ส่งพ่อ “มะกัน” พ.ค.นี้

ที่ปรึกษารองนายกฯ เผยสหรัฐฯ มองเราไม่ทำงานเพราะไร้สถิติจับกุมค้ามนุษย์โชว์ เล็งแก้ไขรวม 3 ปัญหาใหญ่จัดระบบใหม่ ทำให้มหาอำนาจเห็น พร้อมชงรายงานส่ง ปธน.มะกัน พ.ค. แต่ชี้หากเคลียร์แล้วยังไม่ยกระดับพ้นเทียร์ 3 ก็ต้องดูเกี่ยวเรื่องการเมืองหรือไม่ ระบุมี 6-10 กลุ่มที่ต้องจับตามอง

วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุม

โดยนายปณิธานกล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยไม่เคยมีสถิติการจับกุม ส่งฟ้องกี่คดี และลงโทษเท่าไร ดังนั้น เวลารายงานของสหรัฐฯ ออกมาจะมองว่าเราไม่ทำงาน ไม่มีตัวเลข ไม่มีคนสั่งการอย่างเป็นระบบ แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่จะมีการเก็บสถิติ และจะแก้ไข 3 ปัญหาสำคัญที่ทำให้ไทยถูกลดอันดับ คือ 1. ฝ่ายนโยบายไม่ตื่นตัว 2. การทำงานไม่เป็นระบบ และ 3. เจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงมีการจัดระบบยืดโยงใหม่ ดังนั้น ต้องรณรงค์ให้สหรัฐฯ เห็นถึงความก้าวหน้าในการแก้ปัญหา ทั้งนี้ ในเดือน เม.ย. รายงานฉบับร่างของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะแล้วเสร็จและส่งให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในดือน พ.ค. และหน่วยงานอื่นๆ ในทำเนียบขาวช่วยกันพิจารณาและส่งรายงานกลับให้ประธานาธิบดีเพื่อตัดสินใจว่าจะจัดไทยให้อยู่อันดับใด

“ถ้าประเทศไทยได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับสหรัฐฯแล้วยังไม่มีการยกระดับเรา ยังจัดอยู่ในเทียร์ 3 มันอาจจะมีประเด็นทางการเมืองหรือไม่ เพราะเราต้องตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง เปิดเผยให้เห็นว่าอุปสรรคคืออะไร ถ้าทำตรงนี้ให้ดีขึ้นแล้ว ฝ่ายสหรัฐฯ ยังไม่ยกระดับคงไม่ใช่เรื่องของเรา แสดงว่าเขาคงมีปัญหา เช่น เรื่องล็อบบบี้ยิสต์ จุดยืนทางการเมือง หรืออาจจะมองว่า เราเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่หน้าที่เราที่จะบอก เป็นหน้าที่สหรัฐฯ เมื่อนั้นนักวิชาการทั่วโลกจะตัดสินอเมริกาเอง” นายปณิธานกล่าว

นายปณิธานกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทยที่ทางการต้องจับตามองเป็นพิเศษมี 6-10 กลุ่ม ซึ่งเป็นเครือข่ายใหญ่ ที่เชื่อมโยงกับคดีที่มีการฟ้องร้องในชั้นศาลกว่า 200 คดี