เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย นัดเข้าชื่อยื่นหนังสือ “ผู้ว่าการ สตง.” พรุ่งนี้ ตรวจสอบหน่วยงาน เรื่อง “คืนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน” กรณีท่อก๊าซ เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ ด้าน ปตท. ประกาศใช้ข้อกำหนดเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซ บนบกแก่บุคคลที่ 3
วันนี้ (1 เม.ย.) มีรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 2 เม.ย. นี้ เวลา 11.00 น. เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ประชาชนและภาคีเครือข่ายพลังงานทุกเครือข่าย ได้นัดหมายเพื่อเดินทางไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถ.พระราม 6 เขตพญาไท กทม. เพื่อร่วมเข้าชื่อยื่นหนังสือต่อ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้ตรวจสอบหน่วยงานรัฐได้ปฏิบัติตามมติ ครม. เรื่อง คืนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและอื่นๆ) เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ โดยเครือข่ายฯ ต้องการผู้ร่วมเข้าชื่อยื่นหนังสือจำนวนมาก เพื่อสนับสนุนการทำงานของ สตง. ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ศาลปกครองชั้นต้นได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่ 800/2557 ที่มาจากการอุทธรณ์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวกรวม 1,455 คน ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 55 มีคำสั่งยืนยันตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง คือ ไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีนี้ออกจากสารบบความ เนื่องจาก ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำพิพากษาในคดีแปรรูป ปตท. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวกรวม 1,455 คน ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ ปตท. ส่งคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติทั้งในทะเลและบนบก จึงเป็นการขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดในประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว จึงเป็นกรณีที่ต้องห้าม
สำหรับประเด็นข้อกล่าวอ้างที่ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 กำหนด ตามที่ สตง. รับรอง ไม่ใช่เหตุที่จะกล่าวอ้างว่าการดำเนินการตามคำพิพากษายังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย
โดยศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า ปตท. ได้ส่งคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่กระทรวงการคลังครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้วตั้งแต่ปี 51 การขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ ปตท. ส่งคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติทั้งหมดอีกนั้น จึงเป็นการดำเนินคดีซ้ำ ศาลไม่อาจรับฟ้องไว้พิจารณาได้อีก
ส่วนประเด็นคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 51 อาจจะไม่ถูกต้องเนื่องจากไม่ได้แนบความเห็นของ สตง. เข้าไปด้วยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 50 นั้น ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การแนบความเห็นของ สตง. ดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการกำหนดขึ้นเองจากคณะรัฐมนตรีเท่านั้น คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 51 จึงชอบด้วยกฎหมายทุกประการ
ต่อมา ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นประธาน มีมติให้ บมจ.ปตท. (PTT) แยกธุรกิจท่อก๊าซออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ เพื่อให้ธุรกิจท่อก๊าซธรรมชาติมีการแข่งขันที่เป็นธรรมในอนาคต และให้บุคคลที่ 3 สามารถเข้ามาใช้บริการท่อส่งก๊าซธรรมชาติได้ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน มิ.ย. 58
ปตท. ประกาศใช้ข้อกำหนดเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซ บนบกแก่บุคคลที่ 3
วันนี้ (1 เม.ย.) นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ให้ความเห็นชอบ “ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติบนบกแก่บุคคลที่สามของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)” (Onshore Natural Gas Transmission Pipeline Third Party Access Code of PTT: TPA Code) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ครั้งที่ 15/2558 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 และ ปตท. ได้ประกาศใช้ข้อกำหนดฯ ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 โดยได้จัดทำลิงค์ข้อกำหนดฯ บนเว็บไซต์ www.pttplc.com เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นสามารถศึกษาและดาวน์โหลดข้อกำหนดฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
การประกาศใช้ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติบนบกแก่บุคคลที่สามของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นไปตาม “ข้อบังคับว่าด้วยการจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม พ.ศ. 2557” (Third Party Access Regime: TPA Regime) ของ กกพ. และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ที่มุ่งส่งเสริมให้มีการแข่งขันในกิจการพลังงานและมีการบริการของระบบโครงข่ายพลังงานอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลของ กกพ. ซึ่ง ปตท. ได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาอย่างต่อเนื่อง
ข้อกำหนดฯ ดังกล่าว ถือเป็นกรอบและแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างผู้รับใบอนุญาตขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติและบุคคลที่สามที่ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ จาก กกพ. หรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่น ในการใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ โดย ปตท. พร้อมดำเนินการตามแผนการดำเนินงานสำหรับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติบนบกแก่บุคคล ที่สามของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับความเห็นชอบจาก กกพ. โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับข้อปฏิบัติของบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อให้การขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“ปตท. ดำเนินธุรกิจพลังงานตามนโยบายของภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดทำข้อกำหนดฯ ดังกล่าวของ ปตท. ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 และ ปตท.ได้นำส่งข้อกำหนดฯ เพื่อเสนอ กกพ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ จนนำมาสู่การประกาศใช้ข้อกำหนดฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 ถือเป็นความสำเร็จของ ปตท. ในการดำเนินการเพื่อให้การขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติเป็นไปอย่างเสรี ตามนโยบายสนับสนุนการดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส” นายชาครีย์ กล่าว