“บัวแก้ว” รายงานผลดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ 3 เดือนแรก ในปี 58 พบคดีน้อยลง ขยายผลจับกุมคดีที่เกิดขึ้นในปี 57 พบเป็นลักษณะเครือข่าย 6 เครือข่าย รับการค้ามนุษย์ ในภาคการประมงเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด
วันนี้ (31 มี.ค.) มีรายงานว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.การต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์และกฎหมายเรื่องการค้ามนุษย์ แถลงความคืบหน้าถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย ระหว่างเดือนมกราคม ถึง มีนาคม 2558 ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ได้ดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์เพิ่มเติมอีก 18 คดี และขยายผลจับกุมคดีที่เกิดขึ้นในปี 2557 ที่เป็นลักษณะเครือข่ายได้อีก 6 เครือข่าย รวมทั้งดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์ 8 คดี
“สาเหตุที่มีคดีน้อยลง เป็นผลมาจากรัฐบาลมีความจริงจังกับการกวาดล้างกระบวนการค้ามนุษย์ จึงทำให้ผู้ที่จะกระทำผิดตื่นกลัว และหวาดระแวงมากขึ้น จึงไม่กล้ากระทำผิด นอกจากนี้ ยังได้พยายามรวบรัดให้คดีมีความรวดเร็วมากขึ้นด้วย”
สำหรับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคการประมง เป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด รัฐจึงได้ออก 7 มาตรการมาดูแลควบคุมแรงงานภาคประมง ประกอบด้วย จัดระเบียบแรงงานประมง จัดทำฐานข้อมูลเรือให้มีความชัดเจน ตรวจสอบเรือที่จะออกจากท่าเรืออย่างเข้มงวด ทั้งตามที่อยู่ในท่าเรือและตามทะเล ตั้งศูนย์ควบคุมและติดตามเรือ ให้มีความคล่องตัวมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ มีการออกข้อบังคับให้เรือทุกลำต้องติดวีเอ็มเอส คาดว่า ในเดือนมิถุนายนจะมีเรือที่ติดศูนย์ควบคุมวีเอ็มเอส 7,700 ลำ จัดตั้งศูนย์บริการเรือประมง 26 แห่งทั่วประเทศ เพื่อตรวจการ เข้า - ออก ของเรือ และและอำนวยความสะดวกการดำเนินการทางเรือประมงของไทย ติดตามเรือประมงตลอดเวลา ทั้งในและนอกน่านน้ำไทย และเร่งรัดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ซึ่งที่ผ่านมามีแรงงานจดทะเบียนแล้ว 1.6 ล้านคน
“ส่วนแผนงานในอนาคต รัฐบาลจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายที่ปรับปรุงใหม่ อาทิ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับควบคุมติดตามเรือประมง เชื่อว่า จะเป็นที่ยอมรับจากฝ่ายต่างๆ ที่ติดตามการดำเนินงานของประเทศไทย”
นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งปรับปรุงฐานข้อมูลคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เร่งรัดการดำเนินคดีที่ค้างอยู่ โดยการสืบสวนเชิงรุกให้มากขึ้น รวมถึงการเสริมสร้างประสิทธิภาพของกระบวนการคัดแยกเหยื่อ และเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ อัยการ และ ศาล ควบคู่กับการพัฒนาเครือข่ายฮอตไลน์หมายเลข 1330 ให้รับเรื่องราวร้องทุกข์ และให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
