xs
xsm
sm
md
lg

ผ่อนคลายอัยการศึก-ลดศาลทหารสกัดแผนสร้างกระแสป่วน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

อาจจะเป็นเพราะฝ่ายความมั่นคงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกองทัพที่นำโดย ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร สั่งการให้ติดตามความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ต้นมีการหาข่าวกันแบบประกบติดจนทำให้สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลอบขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาแบบ “คาหนังคาเขา” จำนวน 2 ราย และนำไปสู่การขยายผลจับกุมเพิ่มเติมผู้ร่วมขบวนการก่อการร้ายตามมาอีกเป็นโขยงนับสิบคน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมาก็สามารถทลายรังโจรที่ใช้วัดเป็นที่ซ่องสุมกำลัง ตรวจค้นได้อาวุธสงครามได้หลายรายการ ที่น่าสนใจก็คือ ผู้ที่ครอบครองอาวุธร้ายแรงดังกล่าวกลับเป็นเจ้าอาวาส ตามข่าวระบุว่าเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสีวลี (หนองกระชาย) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แน่นอนอยู่แล้วว่าคนพวกนี้เป็นเครือข่ายคนเสื้อแดง เคลื่อนไหวสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวมาอย่างต่อเนื่อง มีความชื่นชอบระบอบประชาธิปไตยแบบทักษิณ เพราะจากหลักฐานพบว่าเคยเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง มีภาพถ่ายคลั่งไคล้บูชาเศรษฐีระดับโลกคนนี้อย่างสุดหัวใจ

ที่ผ่านมาหากย้อนกลับไป จากข้อมูลที่เปิดเผยโดย พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ผบ.พล.1 รอ.ฝ่ายปฏิบัติรับผิดชอบพื้นที่ที่มีการจับกุมคนร้ายลอบวางระเบิดศาลอาญาระหว่างการแถลงข่าวในวันรุ่งขึ้นว่า จากหลักฐานที่ค้นพบในตัวผู้ต้องหา มีปรากฏเป็นหมายเลขโทรศัพท์และนามบัตรระบุชื่อถึง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบปฏิเสธความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ญาติผู้พี่ของทักษิณ ถึงกับขู่ฟ้อง พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ แต่ก็ได้รับการปกป้องจากผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ว่าทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นที่ได้มา และเป็นการทำตามคำสั่งของเขา

ขณะเดียวกัน เมื่อปะติดปะต่อความเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นมา หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน และที่สำคัญล้วนเป็นพวกเดียวกัน นั่นคือ เป็นเครือข่าย นปช.หรือคนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปกันก็คือ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวล้วนเกิดขึ้นก่อนที่จะถึงวันที่ ศาลจะพิจารณาคดีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่าย นั่นคือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องความผิดอาญาจากกรณีความเสียหายโครงการับจำนำข้าว ในวันที่ 19 มีนาคม หรือก่อนหน้านั้นในวันที่ 17 มีนาคม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล กับพวกรวม 21 คน อัยการสูงสุดส่งสำนวนฟ้องพวกเขาในคดีระบายข้าวแบบจีทูจีอันเป็นเท็จ โดยมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต และปรับถึง 3.5 หมื่นล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากวันเวลาดังกล่าว บังเอิญว่าใกล้เคียงและสามารถมองกันแบบเชื่อมโยงถึงกันได้ ทั้งเหตุการณ์ที่ศาลอาญาซึ่งเป็นสถานที่ก่อเหตุในเชิงสัญญลักษณ์มาอย่างต่อเนื่อง หรือมีความเคลื่อนไหวของมวลชนบางกลุ่มก็ล้วนเกิดขึ้นพร้อมๆกัน เริ่มจากการเตรียมก่อเหตุก่อการร้ายพร้อมกันนับร้อยจุดทั่วประเทศที่กำหนดดีเดย์ในวันที่ 15 มีนาคม เพียงแต่ว่า “แผนแตก” โดนรวบเสียก่อน การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนที่เรียกร้องต่อต้านการขึ้นศาลทหารของพลเรือน มีการทำกิจกรรมที่สอดรับกันอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ดี ก็มีการอธิบายและแสดงท่าทีกลับมาทันทีจากนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ว่าเวลานี้ได้สั่งการให้ลดการใช้การพิจารณาคดีของศาลทหารลงแล้ว โดยให้ไปขึ้นศาลปกติ ยกเว้นคดีความมั่นคงที่มีความผิดร้ายแรง ขณะเดียวกันยังได้ลดการบังคับใช้กฎอัยการศึกลงมาแล้ว และในอนาคตก็เตรียมพิจารณากันต่อไปว่าจะใช้มาตรการอะไรมาแทนการใช้กฎอัยการศึก

ท่าทีดังกล่าวหากมองว่าการผ่อนคลายดังกล่าวลงมาอาจเป็นเพราะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จนมั่นใจในเรื่องความสงบเรียบร้อย แต่อีกด้านหนึ่งนี่คือการ “แก้เกม” เพื่อลดเงื่อนไขการสร้างสถานการณ์วุ่นวายนับจากนี้ไป โดยเฉพาะในช่วงที่คนสำคัญของเครือข่ายทักษิณกำลังถูกดำเนินคดีอาญาและแพ่งจากการทุจริตและก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและประชาชน จากการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งสามารถมองแบบนั้นได้ไม่ยาก

ดังนั้น หากพิจารณาจากท่าทีของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่อนปรนความเข้มงวดลงมา ก็เป็นการลดเงื่อนไขลงมาให้นิ่งที่สุด ก่อนที่ภารกิจใหญ่ข้างหน้ากำลังมาถึงจุดสำคัญ นั่นคือการปฏิรูปบ้านเมือง และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่อยู่ในขั้นตอนท้ายๆ แล้ว จึงไม่ต้องการให้เข้าทางกลุ่มการเมืองที่จ้องป่วน เพราะถึงอย่างไรมีการจัดวางกำลัง และงานข่าวเอาไว้พร้อมแล้ว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น