00 ได้ฟังคำให้สัมภาษณ์จากปากของ ผบช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่เปิดเผยว่า เวลานี้ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุขว้างระเบิดใส่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ อยู่ในการควบคุมตัวของฝ่ายทหาร โดยขณะนี้ได้ออกหมายจับ 9 คน ถูกควบคุมตัวไว้ 5 คน ที่เหลืออีก 4 คน ยังไม่ได้ควบคุมตัว น่าสังเกตก็คือ งานนี้ทั้งการจับกุม การติดตาม และการควบคุมสอบสวนล้วนเป็นฝ่ายทหารเป็นหลัก แม้ว่าจะเป็นการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก แต่คราวนี้ถือว่าผิดไปจากคราวก่อน ที่เปรียบเทียบให้เห็นชัดก็คือ คดีลอบวางระเบิดที่บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า กับห้างสยามพารากอน ที่ตอนนั้นดูเหมือนว่าให้อำนาจตำรวจทำงานเต็มที่ แต่ในที่สุด ก็ดูเหมือนไม่คืบหน้า การจับกุมคนร้ายจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ตัวมา และที่สำคัญ ยังมีข่าวความขัดแย้งระหว่าง "บิ๊กตำรวจ" ด้วยกัน นั่นคือข่าว "เกาเหลา" กับ รองผบ.ตร.ฝ่ายคดีความมั่นคง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แต่คราวนี้ มีแต่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ที่มีชื่อโผล่เข้ามาเท่านั้น ส่วนรายหลังหายไปจากจอเฉยเลย !!
00 น่าสนใจก็คือ หากพิจารณากันแบบสาระสำคัญก็ต้องโฟกัสไปที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่เข้ามาคุมเกมบัญชาการตั้งแต่ต้น หากฟังจากการให้สัมภาษณ์ของทั้งฝ่ายตำรวจ และทหาร เมื่อตอนที่จับกุมสองคนร้ายได้คาหนังคาเขา หลังก่อเหตุที่ศาลอาญาว่า ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ให้ติดตาม จัดกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ ลาดตระเวณในพื้นที่ล่อแหลม และพื้นที่ที่เป็นสัญญลักษณ์ และคราวนี้ก็เป็น "งานข่าวฝ่ายทหาร" รวมไปถึงการเสนอขอออกหมายจับ ก็ล้วนเป็นไปตามความเห็นของฝ่ายทหารทั้งสิ้น ตำรวจเพียงมีหน้าที่ในการทำเรื่องเสนอศาลออกหมายจับเท่านั้น และจะชัดเจนภายในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค.นี้ นั่นเป็นการถอดความหมายจากคำพูดของ ผบ.ชน. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ทำให้น่าติดตามว่า จะสาวไปได้ลึก และจริงจังแค่ไหน !!
00 นอกจากนี้ ยังได้เห็นบทบาทนำของ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จากการออกมาปกป้องลูกน้อง คือ ผบ.พล 1 รอ. พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ที่ถูก อดีต ผบ.ทบ. และ อดีต ผบ.สส. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขู่ฟ้อง หาว่าไปชี้นำผู้ต้องหาที่ให้ข้อมูลเกี่ยวข้องพาดพิงมาถึง โดยพล.อ.อุดมเดช ย้ำว่าไม่ได้ชี้นำ ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มา และการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.พล.1 ก็ถูกต้องเป็นไปตามคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 1 และ ตามคำสั่งผู้บัญชาการทหารบก อีกทอดหนึ่ง และที่สำคัญยังมีรายชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน เอ่ยชื่อมาก็รู้ว่าอยู่ฝ่ายไหน งานนี้ถือว่า "เข้ม เขียวปี๋" เลยล่ะ !!
00 กลายเป็นว่าเริ่มเจอศึกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่เรียกว่าทำเอาเป๋ไปเหมือนกัน สำหรับ นายกฯ และหัวหน้าคสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากความพยายามในการเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง เพราะเกิดสามัคคีต้านกันอย่างขนานใหญ่ และเป็นครั้งแรกๆ ที่ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยประสานเสียงค้าน อ้างว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ชาวบ้านแบบไหนที่ต่อต้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้ "ลุงตู่" ต้องปั่นป่วน ต้องปรับเปลี่ยนผ่อนปรนกันลงมาหลายรอบแล้ว จากบ้านราคาหลังละล้าน ไม่ต้องเสีย จนมาถึงหลังละ 1.5 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี ที่ดินก็เหมือนกัน มีการเก็บลดลงมาอีก และ เมื่อกฎหมายผ่านสภาแล้ว กว่าจะบังคับใช้ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1-2 ปี งานนี้ทำเอาหัวเสีย เสียศูนย์ ไปเหมือนกัน !!
00 น่าสนใจก็คือ หากพิจารณากันแบบสาระสำคัญก็ต้องโฟกัสไปที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่เข้ามาคุมเกมบัญชาการตั้งแต่ต้น หากฟังจากการให้สัมภาษณ์ของทั้งฝ่ายตำรวจ และทหาร เมื่อตอนที่จับกุมสองคนร้ายได้คาหนังคาเขา หลังก่อเหตุที่ศาลอาญาว่า ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ให้ติดตาม จัดกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ ลาดตระเวณในพื้นที่ล่อแหลม และพื้นที่ที่เป็นสัญญลักษณ์ และคราวนี้ก็เป็น "งานข่าวฝ่ายทหาร" รวมไปถึงการเสนอขอออกหมายจับ ก็ล้วนเป็นไปตามความเห็นของฝ่ายทหารทั้งสิ้น ตำรวจเพียงมีหน้าที่ในการทำเรื่องเสนอศาลออกหมายจับเท่านั้น และจะชัดเจนภายในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค.นี้ นั่นเป็นการถอดความหมายจากคำพูดของ ผบ.ชน. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ทำให้น่าติดตามว่า จะสาวไปได้ลึก และจริงจังแค่ไหน !!
00 นอกจากนี้ ยังได้เห็นบทบาทนำของ ผบ.ทบ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จากการออกมาปกป้องลูกน้อง คือ ผบ.พล 1 รอ. พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ที่ถูก อดีต ผบ.ทบ. และ อดีต ผบ.สส. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขู่ฟ้อง หาว่าไปชี้นำผู้ต้องหาที่ให้ข้อมูลเกี่ยวข้องพาดพิงมาถึง โดยพล.อ.อุดมเดช ย้ำว่าไม่ได้ชี้นำ ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มา และการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.พล.1 ก็ถูกต้องเป็นไปตามคำสั่งแม่ทัพภาคที่ 1 และ ตามคำสั่งผู้บัญชาการทหารบก อีกทอดหนึ่ง และที่สำคัญยังมีรายชื่อคนที่อยู่เบื้องหลังที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน เอ่ยชื่อมาก็รู้ว่าอยู่ฝ่ายไหน งานนี้ถือว่า "เข้ม เขียวปี๋" เลยล่ะ !!
00 กลายเป็นว่าเริ่มเจอศึกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่เรียกว่าทำเอาเป๋ไปเหมือนกัน สำหรับ นายกฯ และหัวหน้าคสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากความพยายามในการเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง เพราะเกิดสามัคคีต้านกันอย่างขนานใหญ่ และเป็นครั้งแรกๆ ที่ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยประสานเสียงค้าน อ้างว่า ชาวบ้านไม่เห็นด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ชาวบ้านแบบไหนที่ต่อต้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้ "ลุงตู่" ต้องปั่นป่วน ต้องปรับเปลี่ยนผ่อนปรนกันลงมาหลายรอบแล้ว จากบ้านราคาหลังละล้าน ไม่ต้องเสีย จนมาถึงหลังละ 1.5 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี ที่ดินก็เหมือนกัน มีการเก็บลดลงมาอีก และ เมื่อกฎหมายผ่านสภาแล้ว กว่าจะบังคับใช้ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 1-2 ปี งานนี้ทำเอาหัวเสีย เสียศูนย์ ไปเหมือนกัน !!