PEACE TV ส่อผิดเอ็มโอยูกับ กสทช. จ่อ ปิด 7 วัน หลังมีเนื้อหาขัดความมั่นคง ทำ “จตุพร” โวย อ้างรับงาน คสช.เล่นงานทีวีแดง ยันอย่าบีบให้ไม่มีที่ยืน เผยทีวีช่องแดงผิดเอ็มโอยูชัด เน้นรายการ “มองไกล” ระบุผู้ดำเนินรายการจัดรายการค่อนข้างรุนแรง และสร้างความไม่เข้าใจกันต่อสถานการณ์บ้านเมือง อีกทั้งยังมีเนื้อหาต่อว่า คสช.
วันนี้ (18 มี.ค.) มีรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ได้กล่าวผ่านรายการ “มองไกล” ทางพีซทีวี ถึงกระแสข่าวการปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม PEACE TV ของคนเสื้อแดงว่า ตนได้เดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กับพรรคพวกเกี่ยวกับเรื่องการสั่งปิดทีวีคนเสื้อแดง ที่ถือเป็นการทำร้ายหัวใจฝ่ายเดียว เพราะทีวีบางช่องใช้ถ้อยคำยิ่งกว่าทีวีเสื้อแดงไม่เห็นมีปัญหา
ทั้งนี้ นายจตุพรอ้างว่า ได้เปิดรายการฟังความรอบด้านในสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว โดยเชิญผู้รว่มรายการแต่ละฝ่ายมาทั้งหมด และอ้างว่ารายการไม่สามารถเชิญผู้ร่วมรายการมาทั้งวันได้ เพราะหาคนยาก แต่ได้พยายามเปิดประตู คนในแม่น้ำ 5 สาย และฝ่ายตรงข้าม เช่น พวกเป่านกหวีด มาฟังความรอบด้านว่าเราไม่ได้ฟังเฉพาะพวกเราเท่านั้น
“ทำไมไม่สร้างบรรยากาศไม่ให้เลวร้าย ปิดโทรทัศน์เป็นเรื่องเล็ก แต่คนนำประเทศกลับเหมือนเดิม ไม่ใช่พวกผม การที่สังคมจะอยู่ด้วยกันได้ แต่ละฝ่ายควรจะมีที่ยืน เริ่มต้นปฏิบัติเหมือนกัน อยู่ไปอยู่มาจะเลือกปฏิบัติกันอีกแล้วหรือ ปัญหาไม่ใช่สีเสื้อ แต่มันอยู่ที่แก่น หวังว่าเสียงวันนี้จะไปถึงหูผู้นำรัฐบาล เราจะอยู่ท่ามกลางปัญหาหรือต้องการแก้ไขปัญหา แสดงให้เห็นว่าโลกเป็นประชาธิปไตย”
นายจตุพรอ้างต่อว่า ทำไมต้องไปบีบบังคับให้คนไม่มีที่ยืน หรือบีบบังคับให้จนตรอก เราเป็นคนไทย ไม่มีใครกลัวใคร เคยประกาศเส้นทางนี้ไม่ตายก็ติดคุก ถ้าเรารักชาติบ้านเมืองมากกว่ารักตัวเอง แต่ละฝ่ายควรเปิดใจให้กว้าง ในฐานะทำเป็นหัวแถวของคนซีกนี้ พวกผมเป็นคนมีเกียรติ ที่ต้องการสื่อสารอย่างมีเหตุผล ไม่ต้องการให้ใครมาซ้ำเติม สิ่งที่เราได้ประจักษ์ มีความรู้สึก การแสดงความเห็นใดๆ ก็ตาม ได้บอกหมู่มิตรเสมอ มาจัดรายการก็ต้องระมัดระวัง อย่าสอพลอผู้มีอำนาจ อย่าทรยศประชาชน
“ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ ต้องการให้บ้านเมืองสงบ ไม่ออกไปขับเคลื่อนก็ไม่ขับเคลื่อน ปากกับใจตรงกัน เราต่างฝ่ายต้องเปิดใจให้กว้าง อย่าบีบให้คนไทยอย่างผมไม่มีที่ยืน เราเป็นคนไทย เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยเหมือนกัน” นายจตุพร กล่าวอ้าง
ด้านแหล่งข่าวจากคนเสื้อแดงกล่าวถึงสาเหตุการเตรียมปิดพีซทีวีว่า เมื่อวันจันทร์ (16 มี.ค.) ที่ผ่านมา กสทช.ได้เรียกผู้บริหารช่องพีชทีวีให้เดินทางไปยัง กสทช. โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงแผนผังรายการและชี้แจงว่าเนื้อหาบางรายการ เช่น รายการมองไกล ที่นายจตุพรเป็นผู้ดำเนินรายการนั้นค่อนข้างรุนแรง และสร้างความไม่เข้าใจกันต่อสถานการณ์บ้านเมือง อีกทั้งยังมีเนื้อหาต่อว่า คสช.ด้วย ซึ่งทาง กสทช.ระบุว่าจะทำการปิดช่องชั่วคราว เป็นเวลา 7 วันระหว่างวันที่ 24-30 มี.ค.นี้ ก่อนจึงค่อยพิจารณาใหม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางทีมผู้บริหารช่องพีชทีวีกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาต่อรองกับ กสทช.อยู่ ทั้งนี้นอกจากจะทำการปิดช่องพีซทีวีแล้วยังจะดำเนินการปิดช่องทีวี 24 และวอยซ์ทีวีด้วย
มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เคยเรียกผู้บริหารโทรทัศน์เข้ามาพูดคุยและตักเตือนเกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อเงื่อนไขตามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ได้ตกลงไว้กับ กสทช.ในการขออนุญาตออกอากาศ โดยในวันที่ 12 ก.ย. 2557 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ยังได้ส่งหนังสือเรื่องให้ปฏิบัติตามประกาศ คสช.โดยเคร่งครัด
การประชุมทางคณะทำงานของ กสทช.ครั้งนั้น ได้เปิดคลิปรายการต่างๆ ของทุกช่องที่สุ่มเสี่ยงว่ามีเนื้อหาที่ขัดต่อเอ็มโอยู เช่น การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายประชานิยม การใส่เสื้อแดง และฉากแดงออกอากาศของพิธีกรช่องพีซทีวี
“ทุกคนต้องปฏิบัติตามเอ็มโอยูที่ลงนามไว้อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตการออกอากาศได้ พร้อมกล่าวด้วยว่า ทางผู้บริหารบ้านเมืองในปัจจุบันมีนโยบายให้เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ ดังนั้น การแสดงถึงอัตลักษณ์ของการแบ่งสีแบ่งฝ่ายจึงไม่ควรออกหน้าจอ”