"บิ๊กโด่ง" เผย เร็วเกินไปแสดงความเห็นเว้นวรรคแม่น้ำ 5 สาย ยันไม่มีเจตาสืบทอดอำนาจ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ชี้ ยังไม่ถึงเวลาให้ความเห็นปฏิรูปศาสนา เชื่อฟังทุกด้าน โยนผู้มีหน้าที่ดำเนินการ กห.-เหล่าทัพ พร้อมช่วย คมนาคมสำรวจเส้นทางรถไฟรางคู่
วันนี้ (6มี.ค.) ที่กองพลทหารม้าที่2รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง ข้อเสนอให้แม่น้ำ 5 สายเว้นวรรคการเมือง 2 ปีว่า เร็วเกินที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะทุกเรื่องยังไม่ได้ข้อยุติอะไร เป็นเพียงการเสนอแนวคิดกันทั้งนั้น ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งขณะการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว เราเพียงติดตามการเสนอข้อคิดเห็นต่างๆต่อไป
" แม่น้ำ 5 สายไม่มีเจตนาสืบทอดอำนาจ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ต้องคิดรอบด้าน โดยพื้นฐานไม่มีใครต้องการแสวงหาอำนาจ แต่บางอย่างมีกรอบความจำเป็นในเรื่องสถานการณ์ชาติบ้านเมือง ที่ต้องมาคิดกัน ซึ่งการเสนอให้แม่น้ำ 5 สายเว้นวรรคการเมือง 2 มีเป็นเพียงข้อเสนอ ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งนายกรัฐมนตรียึดถือรัฐธรรมนูญชั่วคราว" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวถึง กรณีที่กลุ่มลูกศิษย์วัดธรรมกาย เตรียมนำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวหากสนช.ไม่ยกเลิกการปฎิรูปศาสนาภายใน 7 วัน ว่า เรื่องการปฎิรูปศาสนาจะต้องนำมาพิจารณาก่อนว่าเหมาะหรือไม่ ซึ่งตนมองว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ขอให้ผู้มีหน้าที่ไปดำเนินก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีการรับฟังความคิดเห็นทุกด้าน เพราะขณะนี้มีความเห็นต่างกัน จึงต้องเอาความเห็นต่างตรงนี้มาพิจารณากันให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นที่สนใจ ทั้งนี้กองทัพบกพยายามดูแลแก้ไขปัญหาในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องภัยแล้งยางพารา
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอแรงทหารในการสำรวจเส้นทางสร้างรถไฟรางคู่ให้เสร็จตามกำหนดว่า กองทัพบกมีส่วนเข้าไปช่วยเหลือทั้งเรื่อง แผนที่ ภาพถ่ายทางอากาศ ที่จะต้องดูในเรื่องรายละเอียด ร่วมล่ามภาษา ซึ่งต่อไปจะต้องมีการติดต่อประสาน ในเรื่องรายละเอียดที่ต้องเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ มีความสามารถในการจัดล่ามภาษาไปช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ทหารลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน ในการวางเส้นทางรถไฟที่ต้องตัดผ่านแหล่งชุมชน ตลอดจนสภาพแวดล้อม โดยกองทัพจะทำงานร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
