“เทียนฉาย” แจง สปช. “ทิชา” ไขก๊อกเรื่องสุขภาพ พรุ่งนี้เลือกคนนั่ง กมธ.ยกร่างฯ แทน ปธ.กมธ.ปฏิรูปคุณธรรมฯ เผยหาก สปช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมฯ พร้อมชงต่อ ครม.-สนช. เชื่อใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน ก่อนตั้งองค์กรอิสระเพื่อสอบจริยธรรมนักการเมือง-ขรก. เชื่อเป็นทางออกปัญหาคุณธรรม ลั่นไม่ใช่เสือกระดาษ ไม่ปฏิเสธเป็นแนวคิด ปธ.สปช. แจงสมัชชาคุณธรรมเข้มแข็งกว่าผู้ตรวจฯ
วันนี้ (2 มี.ค.) ที่รัฐสภา ในกาประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า นางทิชา ณ นคร สมาชิก สปช.ลำดับที่ 91 ได้มีหนังสือขอลาออกจากสมาชิก สปช. และสมาชิกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 58 จึงทำให้ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง ดังนั้นจึงจะต้องมีการคัดเลือกสมาชิก สปช.มาเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแทนนางทิชาซึ่งจะต้องดำเนินการภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ลาออก โดยจะมีผลสิ้นสุดในวันที่ 16 มี.ค. ดังนั้น ที่ประชุม สปช.จึงจะดำเนินการคัดเลือกในวันที่ 3 มี.ค.นี้ โดยให้สมาชิกเสนอชื่อบุคคลเป็น กมธ.ยกร่างฯ ซึ่งต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 5 คน จากนั้นจะดำเนินการออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ โดยผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับเลือกเป็นกมธ.ยกร่างฯ
ด้าน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิก สปช. ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาล กล่าวว่าหากที่ประชุมสปช. ผ่านรายงานของคณะกรรมการปฏิรูปคุณธรรมฯ และให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ... เพื่อตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ให้ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานจริยธรรมของผู้บริหาร, ข้าราชการ, นักการเมือง และตรวจสอบการกระทำผิดตามมาตรฐานจริยธรรม ในวันนี้ (2 มี.ค.) ทาง สปช.จะส่งรายงานและร่าง พ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ไปยังคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาและเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้พิจารณาและตราเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าในกระบวนการพิจารณาของ สนช.นั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และมีการตั้งคณะทำงานของ สปช. เข้าไปเป็นกรรมาธิการร่วมของสองสภาพิจารณา สำหรับสาระสำคัญของการมีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ให้เป็นองค์กรอิสระเพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานจริยธรรมและคุณธรรมธรรมของข้าราชการ ผู้บริหาร นักการเมือง และมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องตามการร้องเรียนจะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้ภาคสังคมและประชาชนได้เกิดความตระหนักในพฤติกรรมดังกล่าวและปรับให้เป็นกระบวนการและมาตรการโซเชียล แซงก์ชันในอนาคตได้ และเมื่อเสริมเข้ากับกระบวนการพิจารณาทางกฎหมายที่มีความเข้มแข็ง เชื่อว่าจะเป็นทางออกของปัญหาจริยธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาลที่เกิดขึ้นในอดีตได้
“ผมเชื่อว่าสมัชชาคุณธรรมจะไม่ใช่แค่เสือกระดาษ เพราะกระบวนการเอาผิด หรือลงโทษผู้ที่ถูกตรวจสอบจริยธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาลโดยสมัชชาคุณธรรมจะถูกส่งต่อไปยังหัวหน้าหน่วยงานที่กำกับบุคคลที่ถูกตรวจสอบ เช่น นักการเมือง จะส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขณะเดียวกันรายงานการตรวจสอบนั้นจะมีการเผยแพร่สู่สาธารณะให้สังคมได้รับทราบเป็นการทั่วไปด้วย” นพ.พลเดชกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ มีผู้วิจารณ์ว่าเพื่อทำตามความต้องการของนายเทียนฉาย และส่งผลให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณายุบผู้ตรวจการแผ่นดินรวมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ นพ.พลเดชกล่าวว่า ประเด็นที่มีการวิจารณ์ตนไม่สามารถห้ามได้ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจยุบผู้ตรวจการแผ่นดินของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ตนไม่ทราบ
ทั้งนี้ ตนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านายเทียนฉาย ไม่เกี่ยวข้องเพราะนายเทียนฉายอยู่ในฐานะประธานกรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ด้วย แต่ในหลักการตนมองว่าการมีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่แม้จะคล้ายคลึงกับผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ลักษณะโครงสร้างและการทำงานจะมีความเข้มแข็งและมีคุณภาพมากกว่าในประเด็นการตัดสินใจเรื่องที่มีการร้องเรียน โดยเฉพาะความมีอคติในการตัดสินใจ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินมีจำนวน 3 คน แต่สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติจะมีผู้ที่ดำเนินการตรวจสอบและลงคะแนนด้วยสมาชิกขั้นต่ำ 55 คน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าหากผู้ตรวจการแผ่นดินยังเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเชื่อว่าจะเสริมงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติให้ได้ดียิ่งขึ้น แต่หากไม่มีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติสามารถทำงานได้โดยการประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น วัด เป็นต้น ขณะที่มีการกล่าวถึงว่าสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ควรยกระดับองค์กรและทำเป็น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวมองว่าอาจไม่จำเป็นเพราะการมีกฎหมายให้มีสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติที่ทำงานอย่างอิสระก็เพียงพอแล้ว