คำพิพากษาศาลปกคองกลาง สั่ง รมว.มหาดไทยดำเนินการแปลงสัญชาติ 9 ชาวไทยพลัดถิ่นเป็นไทยให้เสร็จใน 60 วัน หลังปฏิบัติหน้าที่ล่าช้ามา 8 ปี ปธ.อนุ กก.สิทธิฯ ด้านคนไร้สัญชาติยกเป็นบรรทัดฐานคนไร้สัญชาติอีกกว่า 400 คน
วันนี้ (26 ก.พ.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมว.มหาดไทย) ดำเนินการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยให้แก่ชาวไทยพลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อชาติไทยใน อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 9 ราย จาก 73 รายที่ยื่นฟ้อง ให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุดและให้แจ้งผลการดำเนินการให้บุคคลทั้ง 9 รายทราบ
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากนายน้อง สมบูรณ์ และพวกรวม 73 ราย ที่เป็นชาวไทยพลัดถิ่น ยื่นฟ้อง รมว.มหาดไทยเมื่อปี 2554 กรณีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการประกาศให้สัญชาติไทยทั้งที่ 73 ได้ยื่นขอแปลงสัญชาติตามกระบวนการตั้งแต่ปี 2546 และผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาจนมีพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ในปี 2549 แต่ในระหว่างที่ศาลปกครองพิจารณาคดี กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศให้สัญชาติไทยกับคนไทยพลัดถิ่นในกลุ่มนี้จำนวน 64 ราย จึงเหลือเพียง 9 รายที่ศาลมีคำสั่งในวันนี้ ประกอบด้วย นางรินรดา หรือนางน้องดาว ใจยะสิวงษ์, นายปั๋น เรืองคำ, นางเป็ง ปั๋นคำ, น.ส.น้อง วันดี, นายจันแก้ว สอนมาลี, นางสุน คำหล้า, นางปุก สอนมาลี, นายสม กันทะวงค์ และนางเอี้ยง เปียจันทร์ โดยศาลเห็นว่า แม้ พ.ร.บ.สัญชาติ 2508 และระเบียบที่เกี่ยวข้องจะไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยไว้ก็ตาม แต่ รมว.มหาดไทยและเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายดังกล่าวก็ต้องพิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จในเวลาอันสมควร แต่ข้อเท็จจริงคดีนี้รับฟังได้ว่าผู้ฟ้องคดีทั้ง 9 คนได้ดำเนินการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทยมาตั้งแต่ปี 2546 และได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบประวัติ การพิจารณากลั่นกรองสัญชาติ และได้พระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยเมื่อปลายปี 2549 แต่ รมว.มหาดไทยก็ไม่ดำเนินการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของผู้ฟ้องคดีให้เสร็จสิ้น ปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยมากว่า 8 ปี ย่อมเป็นข้อเท็จจริงแสดงชัดเจนว่า รมว.มหาดไทย รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆ ไม่ได้พิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นในระยะเวลาอันสมควร การที่ รมว.มท.อ้างข้อยุ่งยากที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้โดยเร็วนั้น เห็นว่ากรณีนี้อยู่ในวิสัยที่ รมว.มหาดไทยต้องปรับปรุงแนวปฏิบัติและดำเนินการบริหารจัดการให้รวดเร็วได้ อีกทั้งผู้ฟ้องคดีก็ได้ผ่านขั้นตอนกระบวนการพิจารณาที่สำคัญไปแล้ว แต่ รมว.มหาดไทยก็ไม่เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้น ปล่อยให้ระยะเวลาผ่านล่วงเลยไป เป็นการเพิกเฉยต่อความทุกข์ที่เป็นความเดือดร้อนของผู้ฟ้องคดีที่รอคอยสิทธิการเป็นคนไทยจากการได้รับการแปลงสัญชาติมาเนิ่นนาน จึงต้องถือว่า รมว.มหาดไทยปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร
ด้านนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนชาติผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่า อยากคำพิพากษานี้ เป็นบรรทัดฐานให้กับคนไทยไร้สัญชาติอีกกว่า 400 คนใน อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด จ.ตาก ตาม พ.ร.บ.สัญชาติปี 2555 โดยไม่ต้องฟ้องร้องต่อศาลปกครองอีก ทั้งนี้ พ.ร.บ.สัญชาติปี 2555 ได้รับรองรองคนไทยผลัดถิ่นในจ ตราด ระนอง ชุมพร ขณะที่อ.แม่สอดกลับระบุว่าไม่คุณสมบัติไม่ตรงตามกฎหมาย ซึ่งได้ต่อสู้เรียกร้องมากว่า 12 ปี โดยจะเดินหน้าต่อสู้จนกว่าจะได้รับสัญชาติไทย
ขณะที่นายหล้า กันทะวงศ์ ชาวบ้าน อ.แม่ระมาด จ.ตาก ที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย กล่าวว่า มีเอกสารยืนยันความเป็นคนไทยคือสมุดประวัติ และใบสำคัญถิ่นที่อยู่ที่ออกให้โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอย่างถูกต้อง รวมถึงผ่านขั้นตอนการสาบานตนว่าจะเป็นคนไทยที่ดี ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่เมื่อไปขอทำบัตรประชาชน กลับได้รับการปฏิเสธ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าคุณสมบัติไม่ตรงตาม พ.ร.บ.สัญชาติ ปี 2555 โดยยังมีคนไทยพลัดถิ่นอีกกว่า 400 คนที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย