เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมือง 36 องค์กรสาธารณสุข เครือข่ายแพทย์ชายแดน เรียกร้อง สธ. เสนอ ครม. เพิ่มคนไทยรอพิสูจน์สถานะที่ตกหล่นอีก 2 แสนกว่าคน เข้ากองทุนคืนสิทธิ พร้อมเสนอตั้งกองทุนควบคุมโรคตามแนวชายแดน ช่วย รพ. แบกรับค่ารักษา และควบคุมโรคแนวชายแดน
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา จ.เชียงราย เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ร่วมกับ 36 องค์กรด้านสาธารณสุข และเครือข่ายแพทย์ตามแนวชายแดน มูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย และสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวการแก้ไขปัญหาสิทธิการรักษาพยาบาลให้กลุ่มคนไทยไร้สถานะ และเสนอตั้งกองทุนควบคุมโรคตามแนวชายแดน
นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีกลุ่มคนที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ และกลุ่มคนไร้สัญชาติ โดยสิทธิการรักษาพยาบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2553 ให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้กลุ่มคนเหล่านี้ 457,409 คน โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดูแล ปัจจุบันประชากรกลุ่มนี้มีจำนวน 416,648 คน หรือลดลง 40,761 คน เป็นกลุ่มบุคคลที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว แต่ก็ยังมีประชากรที่รอการพิสูจน์สถานะและสิทธิตกหล่นอยู่ ทางเครือข่ายฯ จึงได้เสนอแนวทางให้ สธ. แก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิสุขภาพให้ประชากรกลุ่มนี้โดยยึดแนวทางตามหลักมนุษยธรรม
นายวิวัฒน์ ตามี่ เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลให้สิทธิการรักษากับกลุ่มคนเหล่านี้ 4.5 แสนคน พบว่า ช่วยแก้ปัญหาโรงพยาบาลรัฐแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลตามหลักสิทธิมนุษยชน และการควบคุมโรค แต่ยังมีกลุ่มบุคคลที่มีคุณสมบัติตามมติ ครม. ตกหล่นอีกจำนวน 208,631 คน ที่ไม่ได้รับการสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนราษฎร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติกับกลุ่มคนไทยไร้สถานะที่ได้รับสิทธิไปแล้ว เครือข่ายฯ จึงจัดทำข้อเสนอไปยัง สธ.ให้เพิ่มกลุ่มคนดังกล่าวให้ได้รับสิทธิด้วย เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 2558 ซึ่งจะได้รับงบรายหัวเท่ากับสิทธิบัตรทอง เท่ากับได้งบเพิ่มอีกปีละประมาณ 441 ล้านบาท รวมเป็น 1,341 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้เสนอให้ สธ. รับทราบและเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างเสนอเข้า ครม.
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ข้อเสนอดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา และเป็นหนึ่งในนโยบายของ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เมื่อครั้งรับตำแหน่ง และเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะนำเสนอเรื่องนี้เข้า ครม. จึงขอเรียกร้องให้ สธ. นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
“นอกจากนี้ ยังเสนอให้ สธ. จัดตั้งกองทุนควบคุมโรคตามแนวชายแดน ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2558 เช่นกัน เพื่อดูแลกลุ่มอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ 1.5 ล้านคน โดยให้ได้รับเท่ากับงบส่งเสริมป้องกันโรคของผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลบัตรทอง คือ 383.61 บาทต่อคน รวมเป็นเงิน 161.5 ล้านบาท เพื่อให้โรงพยาบาลรัฐใช้ในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคไม่ให้แพร่เข้าสู่ประเทศไทยต่อไป” นายวิวัฒน์ กล่าว
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า การเพิ่มกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิตกค้าง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม จำนวน 208,631 ราย ดังนี้ 1. กลุ่มที่มีบัตรประจำตัวประชาชน ขึ้นต้นด้วยเลข 0 และเลขประจำตัวหลักที่ 6 และ 7 เป็นเลข 8 และ 9 ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติในกลุ่มชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาอยู่ไทยเป็นเวลานาน แต่ตกสำรวจ จำนวน 150,076 คน 2. กลุ่มบุตรของบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่เกิดในไทยและได้รับการแจ้งเกิด มีสูติบัตรได้เลข 13 หลักเป็นบุคคลประเภท 0 จำนวน 56,672 ราย 3. กลุ่มคนที่ไม่สามารถพิสูจน์สถานะ ซึ่งนายทะเบียนได้จัดทำประวัติให้เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 0 โดยเลขประจำตัวหลักที่ 6 และ 7 เป็นเลข 0 และ 0 จำนวน 1,883 คน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา จ.เชียงราย เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ร่วมกับ 36 องค์กรด้านสาธารณสุข และเครือข่ายแพทย์ตามแนวชายแดน มูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย และสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวการแก้ไขปัญหาสิทธิการรักษาพยาบาลให้กลุ่มคนไทยไร้สถานะ และเสนอตั้งกองทุนควบคุมโรคตามแนวชายแดน
นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีกลุ่มคนที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ และกลุ่มคนไร้สัญชาติ โดยสิทธิการรักษาพยาบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2553 ให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้กลุ่มคนเหล่านี้ 457,409 คน โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดูแล ปัจจุบันประชากรกลุ่มนี้มีจำนวน 416,648 คน หรือลดลง 40,761 คน เป็นกลุ่มบุคคลที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว แต่ก็ยังมีประชากรที่รอการพิสูจน์สถานะและสิทธิตกหล่นอยู่ ทางเครือข่ายฯ จึงได้เสนอแนวทางให้ สธ. แก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิสุขภาพให้ประชากรกลุ่มนี้โดยยึดแนวทางตามหลักมนุษยธรรม
นายวิวัฒน์ ตามี่ เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลให้สิทธิการรักษากับกลุ่มคนเหล่านี้ 4.5 แสนคน พบว่า ช่วยแก้ปัญหาโรงพยาบาลรัฐแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาลตามหลักสิทธิมนุษยชน และการควบคุมโรค แต่ยังมีกลุ่มบุคคลที่มีคุณสมบัติตามมติ ครม. ตกหล่นอีกจำนวน 208,631 คน ที่ไม่ได้รับการสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนราษฎร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติกับกลุ่มคนไทยไร้สถานะที่ได้รับสิทธิไปแล้ว เครือข่ายฯ จึงจัดทำข้อเสนอไปยัง สธ.ให้เพิ่มกลุ่มคนดังกล่าวให้ได้รับสิทธิด้วย เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 2558 ซึ่งจะได้รับงบรายหัวเท่ากับสิทธิบัตรทอง เท่ากับได้งบเพิ่มอีกปีละประมาณ 441 ล้านบาท รวมเป็น 1,341 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้เสนอให้ สธ. รับทราบและเห็นชอบแล้ว อยู่ระหว่างเสนอเข้า ครม.
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ข้อเสนอดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา และเป็นหนึ่งในนโยบายของ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เมื่อครั้งรับตำแหน่ง และเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะนำเสนอเรื่องนี้เข้า ครม. จึงขอเรียกร้องให้ สธ. นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.
“นอกจากนี้ ยังเสนอให้ สธ. จัดตั้งกองทุนควบคุมโรคตามแนวชายแดน ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2558 เช่นกัน เพื่อดูแลกลุ่มอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ 1.5 ล้านคน โดยให้ได้รับเท่ากับงบส่งเสริมป้องกันโรคของผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลบัตรทอง คือ 383.61 บาทต่อคน รวมเป็นเงิน 161.5 ล้านบาท เพื่อให้โรงพยาบาลรัฐใช้ในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคไม่ให้แพร่เข้าสู่ประเทศไทยต่อไป” นายวิวัฒน์ กล่าว
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า การเพิ่มกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิตกค้าง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม จำนวน 208,631 ราย ดังนี้ 1. กลุ่มที่มีบัตรประจำตัวประชาชน ขึ้นต้นด้วยเลข 0 และเลขประจำตัวหลักที่ 6 และ 7 เป็นเลข 8 และ 9 ได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติในกลุ่มชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาอยู่ไทยเป็นเวลานาน แต่ตกสำรวจ จำนวน 150,076 คน 2. กลุ่มบุตรของบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่เกิดในไทยและได้รับการแจ้งเกิด มีสูติบัตรได้เลข 13 หลักเป็นบุคคลประเภท 0 จำนวน 56,672 ราย 3. กลุ่มคนที่ไม่สามารถพิสูจน์สถานะ ซึ่งนายทะเบียนได้จัดทำประวัติให้เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยเลข 0 โดยเลขประจำตัวหลักที่ 6 และ 7 เป็นเลข 0 และ 0 จำนวน 1,883 คน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
