รองหัวหน้า ปชป.ติง กมธ.ยกร่างฯ ออกกฎรัฐแพ้ผลโหวตซักฟอกต้องยุบสภา ทำฝ่ายค้านไม่กล้าโหวตล้มรัฐ หวั่นเข้าทางเลือกตั้งใหม่ ลักไก่ออก กม.สำคัญ อย่างการล้างผิด อ้างเป็นนโยบาย ฉะทำลายการตรวสอบถ่วงดุล เชื่อบีบให้มีรัฐบาลแห่งชาติ
วันนี้ (26 ก.พ.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากรัฐบาลแพ้ผลโหวตก็ต้องยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ว่า เป็นแนวคิดของบางคนที่ต้องการให้อำนาจฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลมีความเข้มแข็ง แต่ถูกคัดค้านว่าเป็นกึ่งประธานาธิบดี แนวคิดนี้ก็ตกไป แต่ครั้งนี้ยังมีการสอดแทรกการสร้างรัฐบาลที่คงความเข้มแข็งเข้ามาอีก จึงเป็นเรื่องประหลาดกับความคิดที่สวนทางความเป็นจริง เพราะในการออกกฎหมายสำคัญของรัฐบาล เช่น กฎหมายการเงินหรืองบประมาณ หากฝ่ายค้านอภิปรายและโหวตคว่ำร่างกฎหมายรัฐบาลได้ รัฐบาลต้องลาออกและเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐบาลแทน ตามหลักคิดของระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาเดิมที่ใช้กันมา
นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ หากมีการอภิปรายไม่ไหว้วางใจรัฐบาลในเรื่องต่างๆ ต่อไปฝ่ายค้านก็จะไม่กล้าที่จะโหวตล้มรัฐบาล เพราะรู้ว่าหากรัฐบาลแพ้โหวตก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และอาจจะเป็นการเปิดช่องทางให้รัฐบาลลักไก่ออกกฎหมายสำคัญ เช่น หากพรรคการเมืองใดชนะการเลือกตั้งจนได้เป็นรัฐบาลแล้ว พยายามออกกฎหมายโดยอ้างว่าเป็นกฎหมายสำคัญแนบท้ายนโยบายของรัฐบาล ผลักดันให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอยออกมาล้างผิด ทั้งมาตรา 112 การทุจริต คดีอาญา ฝ่ายค้านทำได้เพียงการอภิปรายฯ เท่านั้น แต่ไม่กล้าโหวตคว่ำร่างกฎหมายรัฐ เพราะรู้ว่าต้องไปเลือกตั้งใหม่อีกแนวคิดเช่นนี้ เป็นการทำลายหลักการตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจ จึงเป็นหลักคิดที่พิกลพิการในรัฐธรรมนูญ
“ผมฟันธงว่าการวางแนวคิดลงรายมาตราในรัฐธรรมนูญที่กำหนดหลักการเช่นนี้เพื่อบีบให้หลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะกลายเป็นรัฐบาลแห่งชาติ ที่หลายพรรคจับมือกันเป็นรัฐบาลผสมที่มีเสียงข้างมากและยากต่อการล้มรัฐบาล แม้จะมีพรรคเล็กบางพรรคออกจากการเป็นพรรคร่วมก็จะมีพรรคอื่นเสียบเข้ามาแทน จึงน่าเป็นห่วงเพราะมีหลายอย่างที่สวนทางกับข้อเท็จจริง” นายนิพิฏฐ์กล่าว