เกาะกระแส
00 เป็นอีกคดีที่ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้อง สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯกับพวก จากกรณีปราศรัย เมื่อวันที่ 14 ต.ค.51 ทำนองว่า ทักษิณ ชินวัตร จาบจ้วงสถาบัน พยายามซื้อรากหญ้า ยึดตำรวจ และเอาเงินไปจ่ายให้ทหารบางคนเพื่อให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ โดยคดีนี้ ทักษิณ และอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทย์ร่วมฟ้องคดีหมิ่นประมาท ซึ่งเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องดังกล่าว
00 อย่างไรก็ดีในคำพิพากษา ยังน่าสนใจตรงที่มีการระบุว่า แม้ว่าการปราศรัยของนายสนธิ จำเลยที่ 3 นั้น เห็นว่าแม้จะมีบางประเด็นมีการปราศัยลักษณะหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็เป็นการปราศรัยที่มีเจตนาเพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์และโจทย์ก็อยู่ในฐานะที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ของบุคคลต่างๆหลายคนที่แวดล้อม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงจนถูกดำเนินคดีอาญา และทำให้เห็นว่า"มีขบวนการดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง"
00 ขณะเดียวกันยังมีเรื่องที่น่าสนใจตามมาอีกว่า คดีนี้เป็นอีกคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลที่หลบหนีคำพิพากษาของศาล หลบหนีหมายจับหลายคดี กลับใช้ตัวแทนมายื่นฟ้องบุคคลอื่นในศาล ไม่ต่างกับการใช้กระบวนการทางศาลปกป้องตัวเอง หรือปิดปากคนอื่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวให้ร้ายศาลไทยทำนองว่า เป็น"กระบวนการยุติความเป็นธรรม" มาแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกฟ้องร้องคดีอาญานับสิบนับร้อยคดี บางคดีถูกตัดสินจำคุกและต้องถูกขังในเรือนจำระหว่างรอประกันตัว หลายคดีถูกยกฟ้อง รวมทั้งบางคดีรอลงอาญา แต่เขาก็ยืดอกเดินขึ้นศาล ไปตามหมายเรียกของอัยการ เดินหน้าต่อสู้ไปตามกระบวนการ เพราะเขายืนยันว่า"เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม" แต่ทักษิณ ละทำไมไม่ใช้วิธีการแบบเดียวกัน !!
00 มาถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นน้องสาวบ้าง ล่าสุดอัยการสูงสุดก็สรุปสำนวนส่งฟ้องอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเรียบร้อยแล้ว ในความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบฐานไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหาย โดยขั้นตอนจากนี้ศาลฎีกาจะคัดเลือกองค์คณะผู้พิพากษาจำนวน 9 คน และจะพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่ หากรับฟ้องก็ต้องแจ้งให้จำเลยคือ ยิ่งลักษณ์ มาชี้แจง ถึงตอนนั้นแหละต้องมาศาล ถ้าไม่มาก็โดนหมายจับ ก็แล้วแต่จะเลือกทางไหน หนีหรือไม่หนี !!
00 วันศุกร์ที่ 20 ก.พ.จะรู้กันแล้วว่าเวทีถกข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าจะเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 จะออกมาแบบไหน จะเป็นแค่"ปาหี่"เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการเปิดสัมปทานอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ หลังจากได้รับฟังมาตลอดว่าถึงอย่างไรก็ต้องเดินหน้าหลังวันที่ 16 มี.ค.หลังจากยืดเวลามาแล้วหนึ่งเดือน อ้างว่าถ้าไม่ให้สัมปทานสำรวจใหม่จะเกิดวิกฤติขาดแคลนภายใน 7 ปี และระบบแบ่งปันผลผลิตไม่คุ้ม อย่างไรก็ดีให้จับตาฝ่ายค้านการเปิดสัมปทานล่าสุดได้ อดีต รมว.คลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เข้ามาเสริม มีการเรียกร้องให้ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงมานั่งเป็นหัวโต๊ะรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย ดูสิว่าจะยอมมาหรือไม่ เพราะยังเป็นการพิสูจน์ว่าตั้งใจจริงอีกด้วย จะรอดู !!