“อุดมเดช” ยืนยัน “นช.แม้ว” ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนพูดคุยกัน เรียกร้องกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวข้างถนน กลับมาอยู่ในแถว เดินตามกรอบที่กำหนดไว้ ใน สปช. ขณะที่ ผบ.ทบ.เปิดโครงการ “คนกล้าคืนถิ่น” นำหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงพัฒนาคน-ชนบท
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการโครงการ “คนกล้าคืนถิ่น” เป็นให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการดังกล่าวถึงขอเสนอของนายวันชัย สอนสิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อสร้างความปรองดองว่า นายกรัฐมนตรีได้ตอบชัดเจนไปแล้ว ตนคงไม่ก้าวล่วง เป็นเรื่องการเสนอความคิดที่ไปพาดพิงถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของรัฐบาลและ คสช.เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ คือการจัดตั้ง สปช.ขึ้นมา เพื่อให้ปรับสิ่งต่างๆ ที่ควรจะปรับในสังคม แนวความคิดต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมามีบางอย่างที่ไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดความคิดแตกต่างและไม่เข้าใจจนทำให่เกิดความปรองดองน้อยลง เราปรับในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ ก็จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้า นี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้วางไว้ ก็คือให้มี สปช.เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ ดังนั้นจึงต้องช่วยกันเข้ามาอยู่ในกรอบ อย่าทำอะไรนอกกรอบ เพราะจะกลายเป็นการต่อต้าน ขอให้เดินตามกระบวนการ
“ที่ผ่านมา สปช.ได้กำหนดหัวข้อต่างๆ เอาไว้แล้ว ใครมีความเห็นในเรื่องใดก็ส่งกันเข้ามา และคณะกรรมการทั้ง 10 ท่านก็จะได้ทำงานและนำไปดำเนินการก็จะเกิดความราบรื่น ผมมองว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่ยังมีบางส่วนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง อยากให้ทุกคนเปิดใจพูดคุยกันให้ข้อคิดเห็นตามแนวทางที่ได้วางไว้ หากเดินนอกแนวทางก็จะเป็นการต่อต้านและเกิดความขัดแย้ง ทั้งนี้เราอย่ามั่นใจในความคิดของตัวเองมากเกินไป เราตั้ง สปช.ไว้แล้วก็เข้าไปคุยกัน ทุกอย่างจะได้ราบรื่น อยากขอร้องบางส่วนที่ยังเคลื่อนไหวข้างนอก ขอให้กลับมา ความคิดของพวกท่านไม่ได้ถูกลบเลือนไปไหน ขอให้อดใจและเดินตามกรอบที่นายกรัฐมนตรีได้วางไว้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเกิดความปรองดองหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ประชาชนและสื่อทราบไปแล้ว ทุกอย่างมีขั้นตอน กฎหมายก็มี ข้อคิดเห็นเสนอได้ แต่มีบางอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการก่อน จึงจะพูดคุยได้ ไม่เช่นนั้นจะพูดคุยกันอย่างไร
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “คนกล้าคืนถิ่น” เพื่อให้โครงการดังกล่าวเป็นรูปธรรมในการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศเข้มแข็ง พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงสามารถลดความขัดแย้ง รวมถึงความยากจนด้วยการพัฒนาคนให้มีศักยภาพมีความรู้ ความคิดสอดรับกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาล น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยเริ่มจากครัวเรือนนำสู่ชุมชนว่าดีใจที่พวกเราทุกคนมีความเห็นเดียวกัน คือ อยากพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนที่หันหลังกลับภูมิลำเนาจากเมืองหลวงมาประกอบอาชีพในชุมชน ซึ่งที่ผ่านมาบางคนก็ประสบความสำเร็จและบางคนก็ไม่ประสบความสำเร็จ
พล.อ.อุดมเดชยืนยันว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทำให้ชนบทสามารถพัฒนาได้ ส่วนทางทหารที่ผ่านมาได้ดำเนินการสนับสนุนให้เกิดศูนย์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในกองทัพภาค แต่ยังไม่เคยทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่นจึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ร่วมงานกันโดยการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่ตั้ง สามารถนำมาพัฒนาพื้นที่ได้ถ้าเราทุกค ร่วมกันบูรณาการให้โครงการพัฒนาประชาชนในพื้นที่ร่วมมือร่วมใจทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี อย่างไรก็ตามขณะนี้เครือข่ายมีจำนวนสมาชิกไม่มากแต่เชื่อว่าต่อไปจากนี้จะมากขึ้น
“คำว่าคนกล้าคืนถิ่น ไม่ได้หมายถึงการดูแลเฉพาะคนที่ออกจากพื้นที่ไปแล้วกลับมา แต่รวมถึงการดูแลคนในพื้นที่ให้มีอาชีพมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และไม่ใช่เรื่องการเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามหลักทฤษฎีใหม่ภายใต้หลักยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวทางโครงการดังกล่าวนี้จะเดินหน้าและสามารถจับต้องได้ ผมหวังว่าจะบรรลุผลและต้องดีกว่าที่ผ่านมา รวมถึงขยายผลต่อไปเรื่อยๆ”
