xs
xsm
sm
md
lg

คสช.บล็อก “ปู” บินนอก แค่เกมหยั่งเชิงดูกระแส

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


สถานการณ์การเมืองอยู่ดีๆ กลับระอุขึ้นมาอีกครั้ง เป็นโดมิโนกระทบกันมาไม่หยุดนับตั้งแต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเอกฉันท์เชือด “หนูปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นกระดานการเมือง มาถึงเหตุระเบิดการเมืองกลางกรุง ต่อเนื่องด้วยแถลงการณ์ปลอม

มีการจับเครือข่าย “บรรพต” ปมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กระทั่งมาถึงการปฏิเสธการขอออกนอกประเทศของ “ยิ่งลักษณ์” ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา กรณีละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด (อสส.) กำลังจะนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังทำเซอร์ไพร์สส่งฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมี “ชายจืด” นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ “บิ๊กเบื้อก” พล.ต.อ.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้ถูกกล่าวหา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ช่วงนี้มีแต่องคาพยพฝ่ายระบอบทักษิณโดนไล่ต้อนอย่างเดียวล้วนๆ มีการแปรรหัสการเมืองเหมือนกันว่า งานนี้ถึงเวลาถอนรากถอนโคน “ตระกูลชิน” และเครือญาติแน่ๆ

ฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบัน อย่างพี่น้อง “3 ป.” “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตัดสินใจเลิกกั๊ก ตีธงเปิดศึก??

ไฮไลต์จับจ้องไปที่ “ขุน” ตัวสำคัญอย่าง “ยิ่งลักษณ์” น้องสาวในไส้ “นายใหญ่” ที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ว่า คสช.จะลงมืออย่างไร น่าจะเป็นคำตอบถึงเป้าหมายรัฐบาลชุดนี้

จากเดิม คสช.ค่อนข้างให้เกียรติ “ยิ่งลักษณ์” ตามนโยบายของ “บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ที่พยายามรอมชอม แต่พลันที่สัญญาณเปลี่ยนไปอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงถูก สนช.กระซวกไส้ ทุกอย่างตาลปัตรกลายเป็นการไล่ต้อนแบบถึงพริกถึงขิง

ฝ่ายพรรคเพื่อไทย และคนใกล้ชิด “ยิ่งลักษณ์” ยังเปิดอกเลยว่า ตามรูปการณ์เมื่อถึงเมื่อศาลฎีกาฯ โอกาสรอดแทบไม่มี ถึงกับต้องเตรียมทางหนีทีไล่กันเอาไว้แต่เนิ่นๆ แต่ขอดูทางลมจาก คสช.เสียก่อนว่า จะเข้มขรึมแค่ไหน หย่อนให้หรือตึงเปี๊ยะ

รวมถึงประเด็นการเดินทางออกนอกประเทศที่ก่อนหน้านี้ “บิ๊กตู่” ถูกถามมาตลอดว่า หาก “ยิ่งลักษณ์” จะขออนุญาตออกจะให้หรือไม่ คำตอบช่วงนั้นยังคลุมเครือ มีแต่โยนให้ศาลฎีกาฯ เป็นผู้พิจารณา

กระทั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชิงหยั่งเชิง คสช.ก่อน ด้วยการขออนุญาตไปฮ่องกง ก่อนจะถูกเซย์โนไม่ให้ไป ทั้งที่คดีความยังอยู่ในชั้น อสส. ตามเนื้อผ้า

หลายคนตีความ คสช.เอาแน่ ส่วน “ยิ่งลักษณ์” เตรียมเผ่น

แต่ดูตามสภาพความเป็นจริงมันยังหาคำตอบไม่ได้ว่า สุดท้ายใช่สัญญาณแบบนั้นหรือเปล่า เพราะยังอยู่ในช่วงเวลาคลุมเครือ ทางหนึ่ง “ยิ่งลักษณ์” ไม่จำเป็นต้องรีบหนี เพราะยังมีเวลาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาฯ อีกหลายยก สู้เก็บไว้รอไปขออนุญาตไปต่างประเทศที่ศาลฎีกาฯ ดีกว่า ที่ผ่านมานักการเมืองหลายรายใช้วิธีประกันตัวขั้นตอนนี้ แล้วได้ไฟเขียวเกือบทุกราย

อีกอย่างที่ผ่านมาเวลานักการเมืองจะหนี มักจะรอโค้งสุดท้าย ให้พรายกระซิบที่มักจะแจ้งข่าวอยู่ร่ำไปบอกก่อนว่า “โดน - ไม่โดน” ค่อยชิ่งยังทัน ไม่ว่าจะเป็นในราย “วัฒนา อัศวเหม” ขาใหญ่เมืองปากน้ำ คดีทุจริตคลองด่าน หรือ “ประชา มาลีนนท์” อดีต รมช.มหาดไทย คดีทุจริตจัดซื้อเรือ - รถดับเพลิง กทม.

เวลาเก็บผ้าเก็บผ่อนยังพอมี!!!

ขณะที่ คสช.เอง การไม่ให้ไปต่างประเทศ ยังไม่ได้การันตีว่า เป็นการส่งสัญญาณเชือด ล้อมคอกไม่ให้หนี อย่าลืมว่า ในสถานการณ์ของคสช.ที่เป็นอยู่ เหมือนอยู่กลางเขาควายแหลม หากให้ “ยิ่งลักษณ์” ไปต่างประเทศ จะถูกชาวบ้านชาวช่องรุมสวดชยันโตว่า สมคบคิดกัน ตั้งใจปล่อยให้หนี ผลกระทบจะมีตามมามหาศาลจากคนกันเอง เพราะคดีจำนำข้าวสร้างความพินาศมากมาย ย่อมสร้างความไม่พอใจ เพราะรัฐบาลมีนโยบายปราบคอร์รัปชั่น แต่กลับปล่อยคนโกงลอยนวล

แต่การไม่ให้ “ยิ่งลักษณ์” ไปต่างประเทศ ไม่มีผลกระทบเท่าไหร่ เพราะยังอ้างได้ว่า คดีอยู่ระหว่างการนำตัวสั่งฟ้องศาลฎีกาฯ ดังนั้น ไม่ควรออกไปไหน เป็นคดีร้ายแรงที่ประชาชนให้ความสนใจ

จึงยังตัดสินไม่ได้ว่า สุดท้าย “ขุนทหาร” จะเอาอย่างไรกับ “ยิ่งลักษณ์”

แต่ช็อตนี้ มีฉากไม่เนียน หน้าแตกให้เห็นเหมือนกันกับคิวที่ “บิ๊กป้อม” อ้างว่า อสส.ไม่ให้ไปมาเป็นเหตุผล ทั้งที่เห็นท่นโท่ว่า เป็นอำนาจตามกฎอัยการศึก

แต่คำตอบที่แท้จริงว่า คสช.จะกักหรือปล่อยตัว “ยิ่งลักษณ์” น่าจะเห็นตอนอยู่ในชั้นศาลฎีกาฯแล้ว เพราะเมื่อเรื่องมาถึงมือ อำนาจการตัดสินใจว่า จะให้หรือไม่ให้จำเลยออกนอกประเทศจะอยู่ที่ศาลฎีกาฯ ซึ่งหากปรากฏว่า ภายหลัง “ยิ่งลักษณ์” มีการขออนุญาตจากศาลไปต่างประเทศแล้วได้รับไฟเขียว จะต้องจับตาไปที่ คสช.ทันที

เพราะแม้ศาลฎีกาฯ จะให้ แต่ คสช.ยังมีกฎอัยการศึกในการมาพิจารณาอีกชั้นว่า จะให้หรือไม่ให้ โดยอาจเอาดุลยพินิจของศาลมาใช้ประกอบการตัดสินใจหรือไม่ก็ตาม อีกทั้งอาจมองว่า หากปล่อยไปอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความมั่นคงภายในประเทศได้ ก็มีสิทธิ์จะไม่อนุญาตให้ออกได้

แต่กรณีนี้ยังต้องดูอีกว่า ในช่วงนั้น “คสช.” และ “รัฐบาล” ยกเลิกกฎหมายติดกระบองดังกล่าวไปแล้วหรือยังด้วย

หากศาลฎีกาฯให้ แต่ คสช.ไม่ให้ ตรงนี้ไม่ต้องตีความกันให้ซับซ้อน ความหมายตรงตัวคือ ฟันแน่นอน และไม่ให้หนี ต้องติดซังเตอยู่ในเมืองไทย หรือกรณีอนุญาตให้ไป ทฤษฎีนี้ต้องจับตาอย่ากระพริบ หากสถานการณ์การเมืองช่วงนั้นร้อนแรงด้วยแล้ว จะเป็น “ทักษิณภาค 2” ซ้ำรอยกรณีจงใจปล่อยให้หนี

แต่หากเป็นสถานการณ์ปกติ คดียังเหลือระยะเวลาอีกนาน อาจมีรายการ “ยิ่งลักษณ์” ไปแล้วกลับ แสดงความบริสุทธิ์ใจว่า พร้อมต่อสู้จนถึงที่สุดให้ตายใจ ก่อนจะฉวยจังหวะเที่ยวต่อๆ ใกล้ๆ รู้ผล ไปแล้วไปลับ ไม่กลับมา

ตามสภาพฉากทหารไล่ตามประกบค้นรถที่จ.เชียงใหม่ ยังไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น เพราะประเมินคนอย่าง “ยิ่งลักษณ์” ไม่น่าจะหนีแบบมุดรั้วหัวซุกหัวซุนตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเหมือนพวกลิ่วล้อก่อนหน้านี้ที่เผ่นแน่บไปก่อน แต่น่าจะขอออกทางเครื่องบินแบบเท่ๆเหมือน “พี่ชาย”

ส่วนช่วงนี้ขอเรียกร้องความสนใจ กระโตกโปกฮาว่า ถูกทหารคุกคามไปอย่างนั้น ดราม่า ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย

เรื่องเลาะตะเข็บชายแดนหนี ไปจับตา “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ ดีกว่าโน่น!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น